วันนี้ (19 ธันวาคม) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่บริเวณด้านหน้าสถานทูตเมียนมา กลุ่มแรงงานชาวเมียนมาในไทยได้มารวมตัวกันเนื่องในโอกาสวันแรงงานข้ามชาติสากล (International Migrants Day) ซึ่งเป็นวันที่องค์การสหประชาชาติได้จัดทำอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานข้ามชาติและครอบครัว ค.ศ. 1990 ประกาศให้ทุกวันที่ 18 ธันวาคม เป็นวันแรงงานข้ามชาติสากล เพื่อให้แรงงานข้ามชาติในประเทศต่างๆ ได้รับการคุ้มครองทั้งสิทธิมนุษยชนและสิทธิแรงงาน และได้การปฏิบัติที่ดีจากรัฐบาลและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งประเทศต้นทางและประเทศปลายทาง โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติเพราะความแตกต่างทางเชื้อชาติ ภาษา สีผิว และเพศสภาพ
ในวันนี้กลุ่มแรงงานชาวเมียนมาในไทยจึงได้มารวมตัวกันเพื่อเรียกร้องสิทธิที่ควรจะได้รับ ดังนี้
- ให้ตำรวจไทยดำเนินคดีกับบริษัทนายหน้าผู้ทุจริตหลอกลวงตามกฎหมายอาญา มาตรา 344 อย่างตรงไปตรงมา และกระทรวงแรงงานต้องเข้าช่วยเหลือเยียวยาแรงงานที่ตกเป็นเหยื่อโดยเร็ว รวมถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องไม่ปล่อยให้มีขบวนการข่มขู่แรงงานด้วยกฎหมาย เพื่อเก็บส่วย กระทำการนอกเหนือจากหน้าที่และความถูกต้องในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งอยู่ใต้ความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่
- กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานต้องมีการช่วยเหลือทางกฎหมาย จัดหาทนายให้ในการฟ้องร้อง พนักงานตรวจแรงงานต้องให้ข้อมูลกับแรงงานอย่างครบถ้วน เพื่อให้แรงงานสามารถเรียกสิทธิประโยชน์ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ รวมไปถึงการจัดให้มีการช่วยเหลือค่าเดินทาง เพื่อให้คนทำงานได้เข้าถึงกลไกกฎหมายแรงานได้ง่ายยิ่งขึ้น และเพื่อให้คนทุกกลุ่มได้รับสิทธิแรงงานกับผลประโยชน์ต่างๆ รวมถึงประกันสังคมและเงินบำนาญตามการคุ้มครองตามกฎหมายไทยอย่างไม่เลือกปฏิบัติ
- ในระยะยาวนั้นกรมการจัดหางานต้องแก้ไขปัญหาการหลอกลวงไปค้ามนุษย์ด้วยการทำสัญญาจ้างแบบรัฐต่อรัฐ ยกเลิกระบบนายหน้าเอกชน พร้อมจัดหาการช่วยเหลือด้านภาษา ทำระบบการร้องเรียนแบบที่เดียวจบ หรือ One Stop Service โดยไม่ผลักภาระให้ผู้ร้องเรียนต้องเดินเรื่องไปกระทรวงต่างๆ หลายแห่งหลายครั้ง เร่งทำกระบวนการทำเอกสารให้เรียบง่าย ค่าธรรมเนียมย่อมเยา ทำบริการของรัฐให้เข้าถึงได้จริง
- เอกสารที่จำเป็นต่อการจ้างงานแรงงานข้ามชาติไม่ควรต้องรวมพาสปอร์ตด้วย เนื่องจากการแสดงตนซ้ำช้อนกับเอกสารอื่นๆ อย่างใบอนุญาตทำงาน นับเป็นการสร้างอุปสรรคทางเอกสารโดยไม่จำเป็น สถานทูตต่างๆ จะต้องมีค่าธรรมเนียมที่โปร่งใสและย่อมเยา ช่วยให้แรงานเข้าถึงและดำรงสถานะถูกต้องตามกฎหมายได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้เช้าถึงการคุ้มครองตามกฎหมายได้อย่างตรงไปตรงมากด้วย
“วันนี้พวกเราจากกลุ่ม Bright Future ขอเรียกร้องให้เราทุกคน ตั้งแต่ในภาครัฐ ภาคเอกชน ไปจนถึงเพื่อนประชาชนทุกหนแห่ง ใช้หลักการสิทธิมนุษยชนเป็นที่ตั้ง มิใช่ความเชื่อในลัทธิชาตินิยม มองคนให้เท่ากับคน และสร้างจิตสำนึกร่วมกันว่าเราล้วนต่างคือพี่น้องในวังวนการดิ้นรนทำงานหาเงินมาเลี้ยงชีพเฉกเช่นเดียวกัน และเราจะไม่มีวันหลุดพันจากปัญหาเดิมๆ หากเราไม่ผนึกกำลังแล้วร่วมมือกันแก้ปัญหาของคน 99% ไปด้วยกัน เพื่อที่สักวันหนึ่งเส้นพรมแดนจะต้องไม่ขวางกั้นความมั่นคงในปากท้องของคนทำงาน”