สหประชาชาติ (UN) เรียกร้องให้รัฐบาลทหารของเมียนมาเคารพสิทธิของประชาชนในการชุมนุมอย่างสงบ พร้อมเตือนผลลัพธ์ร้ายแรงที่อาจตามมา หากกองทัพใช้มาตรการที่รุนแรงในการตอบสนองผู้ประท้วง
ทั้งนี้ทางการเมียนมาได้ปิดกั้นการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของประชาชนเป็นเวลาสองคืนติดต่อกันเมื่อคืนนี้ ก่อนเปิดสัญญาณให้ใช้ในเช้าวันนี้ (16 กุมภาพันธ์) ซึ่ง คริสทีน ชราเนอร์ บูร์เกเนอร์ ทูตพิเศษ UN ได้โทรศัพท์พูดคุยกับ โซ วิน รองผู้นำรัฐบาลทหารเมื่อวานนี้ โดยเตือนว่าการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตน้ันทำลายหลักการของประชาธิปไตย ซึ่งที่ผ่านมาประชาชนได้ใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในการเคลื่อนไหวและนัดชุมนุม
แม้รัฐบาลทหารได้ประกาศกฎอัยการศึกและห้ามประชาชนชุมนุมเกิน 5 คนขึ้นไปในช่วงเวลาเคอร์ฟิว แต่ประชาชนจำนวนมากยังคงออกมาประท้วงบนถนน เช่นเดียวกับวันนี้ ถึงแม้ทางการได้ประกาศบทลงโทษที่รุนแรงกับผู้ที่ต่อต้านรัฐบาลทหารก็ตาม โดยแกนนำผู้ประท้วงได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่พลเรือนออกมาร่วมเคลื่อนไหวต้านรัฐประหารแบบอารยะขัดขืนในเมืองย่างกุ้ง ซึ่งหนึ่งในข้อเรียกร้องของผู้ประท้วงคือต้องการให้กองทัพปล่อยตัวออง ซาน ซูจี และผู้นำคนอื่นๆ
ทั้งนี้กองทัพเมียนมาอ้างเหตุผลในการก่อรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนว่า เป็นเพราะพรรคสันนิบาตชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ของออง ซาน ซูจี ทุจริตการเลือกตั้ง แม้คณะกรรมการการเลือกตั้งไม่พบหลักฐานตามที่กองทัพกล่าวอ้างก็ตาม
สำหรับบทลงโทษผู้ประท้วงที่ทางการเมียนมาเพิ่งประกาศออกมานั้น ครอบคลุมตั้งแต่การจำคุกและปรับเงิน หากพบว่ามีการปลุกปั่นสร้างความเกลียดชังกองทัพ ด้วยถ้อยคำ ไม่ว่าจะด้วยการพูด เขียน หรือป้ายข้อความ หรือการนำเสนอในรูปแบบอื่นๆ ก็ตาม
ในแถลงการณ์ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ของกองทัพเมื่อวานนี้ระบุว่า ประชาชนที่ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของกองกำลังความมั่นคงอาจต้องโทษจำคุก 20 ปี ขณะที่ผู้เข้าข่ายปลุกระดมความกลัวหรือความไม่สงบในพื้นที่สาธารณะอาจถูกจำคุก 3-7 ปี ซึ่งทหารมีอำนาจในการจับกุม ตรวจค้น หรือกักขังผู้ต้องสงสัยเกิน 24 ชั่วโมงโดยที่ไม่ต้องรอคำสั่งศาล
ภาพ: Myat Thu Kyaw / NurPhoto via Getty Images
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
