เศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 กำลังอยู่บนความเสี่ยงหดตัวเทียบไตรมาสก่อนหน้า โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชนที่อาจชะลอแรง ทั้งจากมาตรการภาครัฐที่จำกัดการเปิดร้านค้า ร้านอาหาร หรือกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่นๆ รายได้ของผู้ประกอบการก็ลดลง ความเชื่อมั่นผู้บริโภคก็หดตัว
แต่น่าสนใจที่เศรษฐกิจไทยยังมีกลุ่มมนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้มั่นคง เพียงแต่เขาเลือกทำงานที่บ้าน หรือ Work from Home เพื่อลดความเสี่ยงในการรับเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ผมลองตั้งคำถามว่า หากมนุษย์เงินเดือนกลับมาทำงานมากขึ้น หลังเศรษฐกิจเริ่มเปิดมากขึ้น หรือเขาได้รับการฉีดวัคซีนมากขึ้น สิ่งต่างๆ จะกลับมาเหมือนเดิม หรืออย่างน้อยก็ New Normal ไหม
เพื่อหาคำตอบ นักเศรษฐศาสตร์เดินดินอย่างผมก็ต้องออกไปซอกแซกตามร้านค้า สอบถามคนค้าขายทั่วไปดู สิ่งที่สังเกตได้ชัดเจนคือคนบางตามาก ร้านอาหารที่เปิดเนื้อที่ได้น้อย คนขายก็ขายของได้น้อยเช่นกัน จึงมีคนขายหลายรายที่เลือกที่จะปิดร้านมากกว่ามาขายของแล้วขาดทุน
วันที่ผมเดินสำรวจก็ใจหาย เพราะเจ้าของร้านประจำที่เคยแวะไปพูดคุยซื้อของไม่ได้มาเปิดร้านเช่นเดิม แล้วหากสถานการณ์ปัจจุบันที่การระบาดรายวันยังรุนแรงเช่นนี้ ผมมองว่ามาตรการภาครัฐที่เข้มงวดยังมีต่อไป และอาจมีอีกหลายร้านค้าที่เลือกจะปิดร้าน เลือกอยู่บ้านดีกว่าออกมาขายแล้วขาดทุน
บางคนบอกผมว่า ยิ่งผ่อนคลาย เขายิ่งแย่ ทีแรกผมคิดว่าผมฟังผิด เพราะในเมื่อมีมาตรการผ่อนคลายให้คนมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น และอนุญาตให้คนมานั่งรับประทานในร้านอาหารได้ ยอดขายหรือรายได้น่าจะดีขึ้น ส่วนต้นทุนหรือวัตถุดิบที่ซื้อไว้แล้วขายไม่ออก วันต่อๆ ไปก็ซื้อน้อยลงได้ ซึ่งน่าจะพอมีกำไรเหลือ ไม่เห็นต้องปิดร้าน หรือกังวลว่าจะแย่ลงกว่าตอนล็อกดาวน์
แต่พอฟังคำตอบแล้วก็เห็นใจร้านค้า นั่นเพราะต้นทุนที่สำคัญสำหรับเขาไม่ใช่เพียงวัตุดิบหรือค่าเดินทางมาร้าน แต่คือค่าเช่าแผงขายของ ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าของใจดีลดค่าเช่าให้บางส่วน ทำให้พออยู่ได้ แม้ยอดขายเหลือน้อย แต่พอบอกว่าเปิดเมือง ค่าเช่าก็กลับมาที่เก่า แต่ยอดขายไม่ได้ขึ้นมาเท่าเดิม เพราะการเปิดในลักษณะที่มีข้อแม้หรือคนยังกังวลจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันที่สูง ทำให้เมื่อเปิดร้าน ยิ่งขาดทุน สู้ปิดร้านไปเลยดีกว่า
การปิดร้านอาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด แต่เขาเลือกไม่ได้ หากเลือกได้ เจ้าของร้านประจำผมคงอยากจะขอให้เจ้าของตลาดหรือห้างลดค่าเช่าแผงให้ ที่ผ่านมาผมสังเกตว่าเขาลดต้นทุนวัตถุดิบแต่คงคุณภาพสินค้าได้ด้วยการทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งเครื่องปรุงหรือวัตถุดิบที่ใช้อันไหนทำเองได้ก็จะไม่ซื้อ เขาเล่าว่า แม้ต้องตื่นตี 4 เพื่อมาเตรียมของมากมาย ขายของเสร็จช่วงบ่ายกลับบ้านก็ไม่ได้พัก เพราะต้องเตรียมของไว้ขายวันพรุ่งนี้ต่อ
การลดต้นทุนจากการเตรียมของด้วยตัวเอง หรือ Internalize Cost ก็ช่วยลดรายจ่ายในการซื้อสินค้าและคุมคุณภาพได้ ผมเคยถามว่าทำไมไม่ขึ้นราคาของ เพราะผมรู้ว่าวัตถุดิบที่ใช้นั้นมันราคาขึ้นหมดแล้ว เขาก็ยิ้มตอบว่าขึ้นราคาแล้วลูกค้าจะหาย แต่รอบนี้อาจคุมค่าใช้จ่ายด้านค่าเช่าไม่ได้ เลยต้องขอพัก สิ่งที่มองต่อคือ เขาจะกลับมาขายของได้อีกไหม หรือจะกลับมาขายที่เดิมได้ไหม
การปรับตัวให้ขายของออนไลน์อาจทำไม่ได้สำหรับทุกคน หากทำได้ก็ช่วยลดค่าเช่าแผงและค่าเดินทางได้มาก แต่คงมากลุ้มกับค่าใช้จ่ายที่ต้องแบ่งรายได้ให้กับบริษัทส่งอาหาร แล้วสุดท้ายจะให้ร้านค้าปรับตัวอย่างไรดี เมื่อลดต้นทุน ทำงานหนัก คงราคาสินค้า แบกค่าใช้จ่าย สุดท้ายยังไม่ไหวในช่วงเปิดเมืองเพราะค่าเช่าที่คุมไม่ได้ และที่ผมห่วงคือ ในโลกที่ธุรกิจปรับตัวเสมอ จะมีคนที่สามารถปรับตัวได้เร็วกว่ามาแทนที่ คนที่สามารถอยู่รอดได้ จ่ายค่าเช่าได้ สุดท้ายหากรอให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ แล้วขอเจ้าของห้างหรือตลาดกลับมาขาย วันนั้นอาจไม่ได้แผงเดิมหรือไม่มีพื้นที่เหลือให้ขายเหมือนเดิม ปัญหาระยะสั้นอาจกลายเป็นปัญหาระยะยาว ซึ่งคงต้องรอดูกันต่อไป และคงต้องเป็นกำลังใจให้เจ้าของร้านและธุรกิจที่ยังมีหน้าร้านทั้งหลายให้ฝ่าฟันวิกฤตนี้ไปได้
แต่วิกฤตการระบาดรอบที่ 3 นี้อาจยาวกว่ารอบแรกในปีก่อน ซึ่งต้องอาศัยความอดทนมากขึ้นกว่าเดิม ใครที่พอหาช่องทางเติมสภาพคล่องให้ธุรกิจอยู่ได้ในช่วง 3 เดือนนี้ก็น่าจะรีบหา เพื่อประคองให้ไม่ต้องปิดร้าน และเผื่อมีความหวังที่ยอดขายจะกระเตื้องมาบ้างเมื่อมาตรการที่เข้มงวดผ่อนคลายมากขึ้น สำหรับมนุษย์เงินเดือน อย่าลืมเป็นกำลังใจไปแวะร้านประจำ ช่วยอุดหนุนให้เขาอยู่รอดให้ได้ด้วยนะครับ
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า