My Name ประกาศสร้าง พร้อมประกาศรายชื่อนักแสดงนำตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยแค่เปิดตัวก็สร้างกระแสในทันที เพราะมีชื่อของ ฮันโซฮี ที่แจ้งเกิดจาก The World of Married Couple และอันโบฮยอน ที่เกิดจากบทร้ายๆ ในซีรีส์ Itaewon Class ร่วมด้วยนักแสดงในตำนาน พัคฮีซุน ที่ว่ากันว่าเขารับบทซีรีส์เรื่องไหน เรื่องนั้นมาแน่ นั่นจึงแสดงว่า My Name เป็นซีรีส์บทดีที่ทำให้เขาสนใจจนยอมรับงานแสดงนี้
THE STANDARD POP เข้าร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวซีรีส์ My Name โดยมีนักแสดงนำ ฮันโซฮี, พัคฮีซุน, อันโบฮยอน, คิมซังโฮ, อีฮักจู, จางรยูล และผู้กำกับคิมจินมิน มาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับการทำงานเบื้องหลังก่อนถ่ายทำ จนออกมาเป็นผลงานเดือดๆ ที่ทั่วโลกกำลังรอคอย
ก่อนที่ซีรีส์ My Name จะเข้าฉายทาง Netflix ในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ เราขอชวนทุกคนมาอุ่นเครื่อง วอร์มร่างกายให้พร้อม ด้วยการทำความรู้จักตัวละคร และเรื่องราวของเหล่านักแสดงที่ทุ่มเทสุดตัวในเรื่องนี้ ทั้งการซุ่มซ้อมฉากแอ็กชันกัน 2-3 เดือนเต็มๆ นักแสดงทุกคนเล่นจริงไม่ใช้ตัวแสดงแทน โดยเฉพาะ ฮันโซฮี หญิงแกร่งหนึ่งเดียวในทีมนักแสดงนำที่เพิ่มน้ำหนักเกือบ 10 กิโลกรัมซึ่งเป็นกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกายล้วนๆ เพื่อเปลี่ยนให้ตัวเองกลายเป็นตัวละครหลักของเรื่อง ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อการแก้แค้น!
“ฉันจะต้องไม่ตาย จนกว่าจะตามล่าหาคนที่ฆ่าพ่อของฉันเจอ และฆ่าเขา…ด้วยน้ำมือของฉันเอง” – จีอู, My Name
แนะนำตัวละครในซีรีส์ My Name ที่เราไม่อาจเชื่อใจใครได้เลย
- ฮันโซฮี กับตัวละคร จีอู
การที่ต้องสูญเสียพ่อไปตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้การแก้แค้นเป็นเป้าหมายอย่างเดียวในชีวิตของเธอ จีอูยอมทิ้งทั้งอนาคตและชื่อของตัวเองเพื่อล้างแค้น
“ถึงจะดูเศร้าและน่าสงสาร แต่ฉันคิดว่าการเดินหน้าสู้ไปเพื่อบรรลุเป้าหมายทำให้จีอูเป็นตัวละครที่แข็งแกร่งค่ะ ฉันมองว่าจีอูเป็นตัวละครที่มีมิติเดียว มีเป้าหมายเดียวคือการแก้แค้น แต่เมื่อเธอเติบโตเป็นฮเยจินจะมีความละเอียดอ่อนกว่า มีชั้นเชิง และมีเหตุมีผลมากกว่าค่ะ”
- พัคฮีซุน กับตัวละคร ชเวมูจิน
ชเวมูจินเป็นหัวหน้าแก๊งค้ายาที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ เป็นหัวหน้าใหญ่ของแก๊งดงชอน และเป็นเจ้าของโรงแรมที่เปิดไว้บังหน้า เขารับลูกสาวของเพื่อนสนิทที่ต้องการแก้แค้นเข้าแก๊ง ให้ความช่วยเหลือ และให้เธอปลอมตัวแทรกซึมเป็นพวกเดียวกับตำรวจ
“ชเวมูจินเป็นคนที่ไว้ใจใครแล้วจะเชื่อใจเต็มที่ แต่จะไม่ยอมอภัยถ้าคนนั้นทำผิดพลาด เป็นตัวละครที่เยือกเย็นแต่มีเสน่ห์มากครับ ผมคิดว่าคาแรกเตอร์แบบนี้จะต้องเกิดจากการแสดงออกให้น้อย ผมแค่คอยรักษาน้ำหนักของการแสดงเอาไว้ อีกอย่างก็คือการแต่งหน้า การแต่งตัวก็ช่วยได้มากครับ ตอนที่ผมเดินเข้าเซ็ต ผมก็กลายเป็นหัวหน้าชเวมูจินแล้ว”
- อันโบฮยอน กับตัวละคร จอนพิลโด
จอนพิลโดเป็นตำรวจมือหนึ่งของหน่วยปราบปรามยาเสพติด เขาทำทุกอย่างเต็มหน้าที่เพื่อทำลายแก๊งค้ายาที่ใหญ่ที่สุดของประเทศให้ได้ ระหว่างนั้นเขาได้เจอกับจีอู คู่หูคนใหม่ที่มาร่วมงานในหน่วยปราบปรามยาเสพติด
“พิลโดเป็นตัวละครที่ไม่สามารถโน้มน้าวจีอูได้ครับ ต้องรอชมแล้วจะทราบครับ ด้วยความที่ตัวละครเป็นมือหนึ่งที่ต้องเก่งทุกด้านโดยเฉพาะการต่อสู้ ผมเลยต้องฝึกการต่อสู้หนักพอสมควรครับ ไม่ใช่แค่ผม แต่นักแสดงคนอื่นๆ ก็เข้าคลาสการต่อสู้ด้วยเหมือนกัน ผมอยากแสดงให้เห็นลุคของตำรวจนักสืบที่ดูน่าเกรงขาม เลยตั้งใจออกกำลังกายและเพิ่มน้ำหนักด้วยครับ”
- คิมซังโฮ กับตัวละคร ชากีโฮ
หัวหน้าหน่วยปราบปรามยาเสพติดที่มีปมชีวิตในอดีต ตัวเขาเองมีเป้าหมายที่จะจับกุมหัวหน้าองค์กรค้ายาเสพติด ชเวมูจิน ให้ได้ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม ชากีโฮได้รับจีอูเข้าร่วมในทีมสืบสวน และเริ่มสงสัยว่าในทีมของเขาน่าจะมีหนอนบ่อนไส้
“ตำรวจปราบปรามยาเสพติด จะจัดการกับอาชญากรด้านยาเสพติดแตกต่างจากหน่วยสืบสวนอื่นๆ เพราะต้องใช้เทคนิคหลากหลาย ต้องมีการวางแผนเพื่อการสืบสวนและจับกุม บทของผมเป็นหัวหน้าทีมที่ใช้การต่อสู้ทางสมองและความคิด จะไม่ค่อยมีฉากแอ็กชันเหมือนนักแสดงคนอื่นๆ ครับ”
- อีฮักจู กับตัวละคร จองแทจู
ลูกน้องมือขวาที่ชเวมูจินไว้วางใจ เขาจัดการทุกอย่างในองค์กร และร่วมปรากฏตัวอยู่ข้างๆ ชเวมูจินและดงฮุนอยู่เสมอ แต่เขาก็ไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมชเวมูจินจึงรับตัวจีอูเข้ามาในองค์กร ทั้งยังเชื่อใจเธอเสียอีก
“ผมรับบทแทจู เป็นมือขวาของชเวมูจิน ที่ซื่อสัตย์ต่อเจ้านายมากๆ และทำทุกอย่างเพื่อเขาได้ ที่ผมต้องทำส่วนใหญ่ก็คือการอยู่เงียบๆ ข้างๆ เขา แต่การแสดงที่เงียบๆ แบบคนที่อยู่ข้างๆ แบบนี้ยิ่งเป็นเรื่องท้าทายครับว่าผมจะแสดงออกมาได้อย่างไร”
- จางรยูล กับตัวละคร โดคังแจ
น้องเล็กขององค์กร ที่มีความทะเยอทะยานที่จะเติบโตเป็นใหญ่ในองค์กร หลังจากผ่านจุดพลิกผันในชีวิตจนถูกขับไล่ออกมา เขาก็เก็บความโกรธแค้นนั้นไว้ เป็นเหมือนภูเขาไฟที่ข้างนอกดูสงบนิ่ง แต่จริงๆ แล้วกำลังรอการระเบิด
“คังแจเป็นน้องเล็กของแก๊งดงชอน เขาอยากได้รับคำชมจากพี่ๆ ในแก๊ง มีความโลภ มีความอยากเป็นใหญ่ แต่อีกมุมก็เหมือนเด็กเล็กๆ ที่ทำเพราะอยากเท่เหมือนรุ่นพี่ในแก๊งคนอื่นๆ ปกติผมเป็นคนผอมอยู่แล้ว จะลดน้ำหนักถือเป็นเรื่องยากทีเดียว แต่ตอนที่ได้อ่านบท ตัวละครโดคังแจที่ผมจินตนาการต่างกับตัวจริงของผมในตอนนั้นมาก ผมอยากให้ดูเฉียบคมมากขึ้น เลยตั้งใจลดน้ำหนักให้เข้ากับตัวละครนี้ครับ”
สัมภาษณ์ฮันโซฮี, พัคฮีซุน, อันโบฮยอน, คิมซังโฮ, อีฮักจู, จางรยูล และผู้กำกับคิมจินมิน
ในงานแถลงข่าวเปิดตัวซีรีส์ My Name นักแสดงหลักของเรื่องดูสนิทสนมกันมากๆ นั่นก็เพราะการที่พวกเขาได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันตั้งแต่ก่อนถ่ายทำ เพื่อเรียนรู้ท่าทาง และศิลปะการป้องกันตัว การใช้อาวุธ รวมถึงการซ้อมฉากแอ็กชันต่างๆ เพื่อให้ซีรีส์แอ็กชันถึงเลือดถึงเนื้อเรื่องนี้สมจริงอย่างที่สุด
อยากถามถึงความรู้สึกว่าตอนที่อ่านบทจบครั้งแรก มันเต็มไปด้วยความรู้สึกแบบไหน
ฮันโซฮี: ตอนอ่านบทรู้สึกได้ถึงการอยากแก้แค้นค่ะ คาแรกเตอร์นี้ผูกติดกับการแก้แค้น เธอสิ้นหวังและหมดสิ้นหนทางจนฉันรับรู้ได้ผ่านการอ่านบทเลยค่ะ การแก้แค้นจึงเป็นอย่างเดียวที่ผลักดันให้ตัวละครสู้ต่อไป My Name เป็นการแสดงที่ทำให้ฉันได้แสดงออกอีกแง่มุมหนึ่ง ทั้งเรื่องการแสดงอารมณ์ และเรื่องของฉากแอ็กชันที่ฉันไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน
พัคฮีซุน: ปกติถ้าพูดถึงผลงานแนวฟิล์มนัวร์ เราจะนึกถึงผลงานที่โหดและเยือกเย็น แต่ความรู้สึกแปลกใหม่ตอนอ่านบทเรื่องนี้ คือการวางตัวละครหลักให้เป็นผู้หญิง ทั้งอารมณ์และความรู้สึกที่ถ่ายทอดออกมา รวมถึงความขัดแย้งระหว่างเธอและตัวละครอื่นๆ ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ต่างจากซีรีส์ดาร์กๆ เรื่องอื่น ทั้งยังได้ผู้กำกับคิมจินมิน เจ้าของผลงานเรื่อง Extracurricular มาร่วมกำกับแล้วด้วย ยิ่งทำให้อุ่นใจ หลังจากอ่านบทแค่ครั้งเดียวก็ตัดสินใจที่จะร่วมงานด้วยครับ
อันโบฮยอน: ผมเองก็ชอบซีรีส์เรื่อง Extracurricular มากครับ กลายเป็นแฟนคลับของผู้กำกับคิมจินมิน และอยากลองร่วมงานด้วยสักครั้ง พอได้รับบท อ่านแล้วเพลินจนวางไม่ลงเลยครับ ผมเองอยากลองเล่นแนวแอ็กชันหรือนัวร์อยู่แล้ว ในที่สุดก็ได้เจอผลงานที่ใช่ เลยเตรียมตัวอย่างเต็มที่ครับ
พวกคุณต้องเตรียมตัวก่อนการถ่ายทำ My Name อย่างไรบ้าง
พัคฮีซุน: นักแสดงทุกคนมีฉากแอ็กชันเยอะมาก ยกเว้นคิมซังโฮ ผมและนักแสดงชายอีกสามคนเข้าคลาสเรียนการต่อสู้ก่อนถ่ายทำสองเดือน แต่สำหรับฮันโซฮี เริ่มก่อนพวกเรา เธอฝึกอยู่เกือบสามเดือนก่อนถ่ายทำจริงเลยครับ
อันโบฮยอน: ผมอัดคลิปวิดีโอตอนเรียนศิลปะการต่อสู้ไว้ และแชร์ให้นักแสดงคนอื่นดูด้วย เพราะว่ามันเป็นซีนที่เราต้องต่อสู้ ต้องเคลื่อนไหวไปด้วยกัน จะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ผมว่าการที่ได้ฝึกซ้อมด้วยกันเป็นเวลาร่วมสองเดือนก่อนถ่ายทำ ทำให้เราสนิทกัน และทำให้บรรยากาศกองถ่ายเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะครับ
ถามผู้กำกับคิมจินมิน ทำไมถึงเลือกฮันโซฮีเป็นนักแสดงนำ มองเห็นอะไรในตัวเธอ
ผู้กำกับคิมจินมิน: จริงๆ แล้ว หน้าตาและรูปลักษณ์ของนักแสดงส่งผลให้มีข้อจำกัดในการรับบท แต่ผมคิดว่าในข้อจำกัดมักมีความเป็นไปได้เสมอ นักแสดงที่ทำลายข้อจำกัดเหล่านั้นได้ถึงจะพบความเป็นไปได้
ตอนที่ผมเจอฮันโซฮี ผมถามแค่สองคำถามเองครับ ข้อแรก – อยากเล่นบทนี้หรือไม่ และข้อสอง – เธอจะยอมฝึกซ้อมอย่างหนักหรือเปล่า ซึ่งฮันโซฮีตอบออกมาทันทีเลยครับว่าอยากรับบทนี้ และขอให้ผมลองเชื่อใจเธอ ซึ่งคำสัญญาและความรับผิดชอบในการฝึกซ้อมทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ออกมาสมบูรณ์แบบ
ผมมองว่า My Name เป็นโอกาสดีสำหรับนักแสดงที่เคยรับบทสาวสวยมาตลอด จะได้พลิกมาลองผลงานแนวแอ็กชัน โชคดีของเธออีกอย่างที่ได้โปรดิวเซอร์ที่ดูแลด้านศิลปะการต่อสู้ และทีมนักแสดงมากความสามารถ ทำให้การถ่ายทำเป็นไปอย่างราบรื่น
ฮันโซฮี คุณรับบทหนักในซีรีส์ My Name เลย ความรู้สึกในการรับบทจีอูเป็นอย่างไรบ้าง
ฮันโซฮี: ตอนที่ลองเข้าคลาสเรียนการต่อสู้ครั้งแรก ฉันคิดว่าลำบากแน่ๆ คงจะต้องทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อมมากๆ
ด้วยความที่เป็นครั้งแรกกับซีรีส์แอ็กชันดราม่า และไม่ใช่การทำงานคนเดียว เราต้องทำงานเป็นทีม เป็นการเคลื่อนไหวที่ต้องแสดงร่วมกับคนอื่นๆ บอกตรงๆ ว่าค่อนข้างหนักใจเหมือนกันค่ะ ไหนจะกังวลว่าจะได้รับบาดเจ็บ กลัวว่านักแสดงคนอื่นจะบาดเจ็บเพราะประสบการณ์อันน้อยนิดของตัวฉันเองด้วย แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้อย่างดี ต้องขอบคุณโปรดิวเซอร์ศิลปะป้องกันตัวที่ช่วยเหลือทีมนักแสดงดีมากๆ ค่ะ
อาวุธอะไรที่ตัวละครจีอูใช้ในเรื่อง และคุณรู้สึกว่าเข้ามือที่สุด
ฮันโซฮี: ในบรรดาอาวุธที่ต้องใช้มือจับ กระบองเป็นอาวุธที่นิ่มสุดค่ะ เพราะตอนถ่ายทำเป็นกระบองยางที่ทำเลียนแบบของจริง เวลาใช้ก็เลยไม่ค่อยกังวล อีกอย่างตอนเรียนคลาสการต่อสู้ได้เรียนท่ากระบองเยอะเป็นพิเศษด้วย เลยจะมั่นใจในการใช้กระบองมากกว่าอย่างอื่นค่ะ
คุณได้ศึกษาการแสดงจากผลงานอื่นอย่างไรบ้างเพื่อเตรียมตัวถ่ายซีรีส์ My Name
ฮันโซฮี: โปรดิวเซอร์ด้านศิลปะการต่อสู้แนะนำให้ฉันดูสไตล์การต่อสู้ในเรื่อง Atomic Blonde ซึ่งมีฉากแอ็กชันแบบ Long Take กับเรื่อง The Old Guard และผลงานแอ็กชันอื่นๆ ที่มีตัวละครนำเป็นผู้หญิง ไม่ว่าจะต่อสู้โดยใช้มือเปล่า หรืออาวุธต่างๆ ค่ะ
อยากให้พวกคุณลองคำนิยามคำว่า ‘แอ็กชัน’ ในซีรีส์เรื่อง My Name ที่เรากำลังจะได้ดูกัน
พัคฮีซุน: การต่อสู้ของพวกเราไม่ได้ใช้สายสลิงหรือ CG ใดๆ เลยครับ เป็นแอ็กชันที่ใช้ร่างกายปะทะเน้นๆ ขอเรียกว่า “แอ็กชันสะเทือนอารมณ์ เรียลแอ็กชัน” แล้วกันครับ
ผู้กำกับคิมจินมิน: สำหรับผมเป็น “แอ็กชันแห่งการขอบคุณ” ครับ เพราะผมอยากจะแสดงความขอบคุณไปยังเหล่านักแสดง โดยเฉพาะโปรดิวเซอร์ควบคุมการแสดงในด้านศิลปะการต่อสู้จาก Seoul Action School พวกเขาทำงานหนักมาก เพื่อทำให้นักแสดงของเรารู้สึกอุ่นใจ
ฉากต่อสู้ 99% มาจากการแสดงของเหล่านักแสดง บวกกับอีก 1% จากความรับผิดชอบและความไว้วางใจในตัวผู้ฝึก นักแสดงของเราเองก็ฝึกซ้อมอย่างหนักมาก ผมคิดว่าถ้าไม่สามารถถ่ายทอดออกมาได้ดี ผมคงเป็นผู้กำกับที่แย่มากแน่ๆ ศิลปะการต่อสู้ที่นักแสดงถ่ายทอดให้เห็นในเรื่องนี้ถือว่าเหนือความสามารถของคนธรรมดาที่ไม่ใช่นักกีฬาหรือมีพื้นฐานมาก่อน ในเวลาระยะสั้นแต่ทำได้ขนาดนี้ถือว่าน่าทึ่งมาก ผมอยากขอบคุณพวกเขาทุกคนครับ
นอกจากโปรดิวเซอร์ด้านศิลปะการต่อสู้ มีเจ้าหน้าที่ตัวจริงจากหน่วยงานไหนให้ข้อมูลด้วยไหม
ผู้กำกับคิมจินมิน: ระหว่างถ่ายทำพวกเราได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจับแก๊งยาเสพติดตัวจริง ในทีมมีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงเหมือนโอฮเยจินในเรื่องเลยครับ ตอนแคสต์นักแสดงผมเลยอิงจากสมาชิกในทีมตำรวจจริงเป็นหลัก
อะไรคือแรงจูงใจในการสร้างผลงานซีรีส์ My Name
ผู้กำกับคิมจินมิน: ด้วยบทประพันธ์ที่ลึกซึ้ง ตัวละครหลักที่มีความแตกต่าง รวมถึงตัวละครที่รายล้อมตัวละครหลัก ถ้าผมได้มีโอกาสทำให้ตัวละครนั้นเป็นจริงขึ้นมาผ่านบทบาทของนักแสดงต่างๆ ซีรีส์เรื่อง My Name น่าจะเป็นอีกหนึ่งผลงานที่คุ้มค่า ประกอบกับอยากที่จะสร้างผลงานแอ็กชันอย่างเต็มตัวอีกครั้ง ในขณะที่ร่างกายยังรับไหวน่ะครับ
ประเด็นหลักในเรื่องนี้ ผมคิดว่า ‘การแก้แค้น’ ใกล้เคียงคำว่า ‘ยุติธรรม’ ซึ่งผมเองก็หยิบยกเอาจุดนี้มาใช้เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวใน My Name ซึ่งมันละลายอยู่ในตัวละครจีอู ในตอนสุดท้ายเธอจะได้เรียนรู้ว่าการแก้แค้นนี้มันถูกต้องหรือไม่ หรือจริงๆ แล้วการแก้แค้นคืออะไรกันแน่ คำถามมันจะมีอยู่ในทุกอีพี และเปลี่ยนไปตามที่ตัวละครได้ผ่านประสบการณ์ต่างๆ เลยครับ
จากคอนเซปต์ของผลงานก่อนหน้านี้ของผม จะเห็นว่าคนเลวก็ไม่ใช่เลวไปเสียหมด คนดีเองก็ไม่ได้ดีไปทุกอย่าง แต่ในเรื่องนี้บ่งบอกชัดเจนว่า คนดีคือคนดี คนชั่วอย่างไรก็คือคนชั่ว บทบาทของนักแสดงที่รับบทหัวหน้าทีมตำรวจและหัวหน้าแก๊งมาเฟียนั้นสำคัญมาก เมื่อได้นักแสดงที่มากประสบการณ์มารับบทเป็นหัวหน้า ก็ยิ่งทำให้ตัวละครลูกน้องในทีมสบายไปด้วย ตอนถ่ายทำผมเลยแทบจะไม่กังวลเลย ต้องขอบคุณทั้งพัคฮีซุนและคิมซังโฮมากครับ
เรื่องราวการแก้แค้นในซีรีส์ My Name
จีอู (ฮันโซฮี) เป็นพยานเพียงคนเดียวที่เห็นพ่อตายไปต่อหน้าต่อตาในวันเกิดครบรอบ 17 ปีของตน เธอจึงตัดสินใจออกตามล่าฆาตกรที่ฆ่าพ่อของเธอ และได้ไปขอความช่วยเหลือจาก มูจิน (พัคฮีซุน) เพื่อนสนิทของพ่อที่เป็นหัวหน้าใหญ่แก๊งดงชอน องค์กรค้ายาที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ โดยมูจินได้บอกกับจีอูว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งเป็นคนสังหารพ่อของเธอ และได้หยิบยื่นโอกาสใหม่ ตัวตนใหม่ให้เธอว่า ‘โอฮเยจิน’ เพื่อปลอมตัวเข้าไปทำงานในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งนำไปสู่การค้นพบความจริงที่แสนโหดร้าย
จีอูเข้าไปทำงานในแผนกปราบปรามยาเสพติดร่วมทีมปฏิบัติการกับตำรวจสายสืบ จอนพิลโด (อันโบฮยอน) และหัวหน้าทีม ชากีโฮ (คิมซังโฮ) ซึ่งนั่นทำให้เธอต้องทำการสืบสวนหัวหน้าแก๊งอาชญากรของเธอเอง ยิ่งจีอูพยายามหาทางช่วยมูจินมากเท่าไร เหล่าเพื่อนตำรวจของเธอก็ยิ่งสงสัยในตัวเธอมากขึ้นเท่านั้น อีกทั้งมือขวาของบอสมูจินอย่าง จองแทจู (อีฮักจู) ก็ยังรู้สึกไม่ไว้ใจในตัวจีอูอีกด้วย นอกจากนี้ จีอูยังต้องรับมือกับภัยอันตรายจากอันธพาลประจำแก๊งดงชอนอย่าง โดกังแจ (จางรยูล) อีกด้วย
ตัวละครตัวอื่นๆ รอบๆ ตัวจีอู ล้วนแต่เพิ่มความน่าสนใจให้กับเรื่องราวในซีรีส์ ขณะที่ตัวจีอูค่อยๆ ถลำลึกเข้าไปสู่ก้นบึ้งของความอันตราย และจากความสัมพันธ์กับตัวละครต่างๆ ในเรื่องนี้ แม้จะทำให้จีอูได้เข้าใกล้ความจริงในการไล่ล่าหาคนที่ฆ่าพ่อของเธอมากขึ้น แต่ท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวกลับพาเธอมาพบกับสิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อน และยังต้องเผชิญกับความจริงที่แสนเจ็บปวดในระหว่างที่เธอตามล้างแค้นให้พ่อ ว่าแท้จริงแล้วใครกันแน่ที่เป็นคนดีและคนเลว
My Name เป็นซีรีส์แนวแอ็กชัน-นัวร์ มีทั้งหมด 8 ตอน นำแสดงโดย ฮันโซฮี, พัคฮีซุน, อันโบฮยอน, คิมซังโฮ, อีฮักจู, จางรยูล ผลงานเรื่องล่าสุดของผู้กำกับ คิมจินมินจากเรื่อง Extracurricular ออกอากาศวันที่ 15 ตุลาคมนี้
ตัวอย่างซีรีส์ My Name