×

รายงานสอบสวนระบุ ไม่พบหลักฐานว่าทรัมป์ร่วมมือกับรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2016

19.04.2019
  • LOADING...

กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เปิดเผยผลการสืบสวนกรณี โดนัลด์ ทรัมป์ ถูกกล่าวหาว่าร่วมมือกับรัสเซียในการแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดี ปี 2016 และพยายามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมเพื่อยุติการสอบสวนดังกล่าว โดยรายงานซึ่งรวบรวมโดยที่ปรึกษาพิเศษ โรเบิร์ต มุลเลอร์ หรือที่เรียกว่า Mueller Report ระบุว่าไม่พบหลักฐานที่บ่งชี้ถึงการสมคบคิดกันระหว่างทรัมป์กับรัสเซียในช่วงการเลือกตั้งปี 2016 ขณะที่ทีมกฎหมายของทรัมป์ยกเป็นชัยชนะของประธานาธิบดี หลังจากที่ทรัมป์ถูกมรสุมการเมืองรุมเร้าจากข้อกล่าวหาความสัมพันธ์กับรัสเซียมาโดยตลอด

 

ในเอกสารรายงานความยาว 448 หน้าที่ส่งถึงสภาคองเกรส โรเบิร์ต มุลเลอร์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (FBI) ระบุว่าเขาพบหลายกรณีที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของรัสเซียพยายามติดต่อกับผู้ช่วยของทรัมป์ แต่เขาไม่พบหลักฐานบ่งชี้ว่าทีมหาเสียงของทรัมป์ได้ร่วมมือกับรัสเซียในท้ายที่สุด

 

รัสเซียมองว่าจะได้ประโยชน์จากการที่ทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดี ดังนั้นรัสเซียจึงพยายามแทรกแซงการเลือกตั้งด้วยการแฮกระบบคอมพิวเตอร์ โดยคิดว่าจะช่วยให้ผลการเลือกตั้งเอื้อประโยชน์ต่อทรัมป์และรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ทีมสอบสวนไม่พบหลักฐานว่าสมาชิกของทีมหาเสียงทรัมป์มีการสมคบคิดหรือร่วมมือกับรัฐบาลรัสเซียในการแทรกแซงการเลือกตั้งปี 2016

 

แต่มุลเลอร์พบว่าทรัมป์พยายามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมในเรื่องดังกล่าว หลังคณะสอบสวนเริ่มต้นตรวจสอบกรณีการแทรกแซงของรัสเซีย โดยทรัมป์ได้ไล่บุคคลที่ถูกแต่งตั้งและมอบหมายให้สอบสวนกรณีความสัมพันธ์ที่ไม่ชอบมาพากลระหว่างเขากับรัสเซียให้พ้นจากตำแหน่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ เจมส์ โคมีย์ ผู้อำนวยการ FBI ในเวลานั้น

 

อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่าทีมสอบสวนไม่มีข้อสรุปทางกฎหมายที่มีน้ำหนักเพียงพอว่าทรัมป์พยายามขัดขวางกระบวนการสืบสวน

 

“จากข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายต่างๆ ที่สามารถนำมาปรับใช้ได้ เราไม่สามารถตัดสินได้ว่าประธานาธิบดีกระทำความผิด แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ทรัมป์พ้นจากข้อกล่าวหา”

 

ภายหลังการตรวจสอบรายงานดังกล่าวในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา วิลเลียม บาร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และร็อด โรเซนสไตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ลงความเห็นว่าทรัมป์ไม่ได้ขัดขวางกระบวนการยุติธรรม ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวถูกสมาชิกเดโมแครตในสภาคองเกรสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

 

รายงานระบุว่าเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2017 ทรัมป์ได้สั่งให้ ดอน แม็กกาห์น ทนายความของเขาในเวลานั้นคิดหาทางไล่มุลเลอร์ออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ และกดดัน เจฟฟ์ เซสชันส์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้แทรกแซงกระบวนการสอบสวน ตลอดจนขับ ไมเคิล ฟลินน์ ให้พ้นจากเก้าอี้ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติด้วย

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising