สำหรับคนที่อยากจะออกกำลังกายให้หัวใจเต้นระรัวเพื่อให้ปอดทำงาน เลือดสูบฉีด สร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ เลยไปถึงการเผาผลาญสลายไขมัน แต่เบื่อที่จะออกกำลังกายอยู่แต่ในฟิตเนสเซ็นเตอร์กับคลาสเทรนดี้ต่างๆ ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีคลาสแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นเพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับเราได้มากมาย  

 

 

     แต่สำหรับคนที่ต้องการความท้าทายและออกจะเป็นสายบู๊อยู่สักหน่อย มาคราวนี้ THE STANDARD ขอนำเสนอให้รู้จักกับ RSM Academy (Rajadamnern Singha Muay Thai Academy) ไฟต์คลับสอนมวยไทยอันเกิดจากการรวมตัวของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่รักในกีฬามวยไทยและการออกกำลังกาย หนึ่งในผู้ก่อตั้งสถาบันแห่งนี้คือ ‘กลุ่มสนามมวยราชดำเนิน’ ที่มีชื่อเสียง

 

 

     สตูดิโอออกกำลังกายแห่งนี้นำเอาศิลปะการต่อสู้อย่างมวยไทยมาปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมืองมากขึ้น จนเกิดเป็นการออกกำลังกายในรูปแบบใหม่ที่ใช้การต่อยมวยเป็นหลัก ได้ทั้งความสนุก เพิ่มความแข็งแรงให้ร่างกาย สร้างมวลกล้ามเนื้อ พร้อมๆ กับเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้แม่ไม้มวยไทยควบคู่กันไป

     ด้านเทรนเนอร์ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นคืออดีตนักมวยระดับแชมป์เวทีราชดำเนิน ที่ผันตัวมาเป็นครูฝึกมืออาชีพ มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์คร่ำหวอดในวงการมวยไทย รวมถึงครูมวยอีกหลากหลายที่มาช่วยสอนให้ตั้งแต่ขั้นแรกเริ่ม โดยมีคลาสให้เลือกเรียนหลากหลายระดับ ใช้เวลา 60 นาทีต่อคลาส

     ครูฝึก 1 คนจะดูแลนักเรียนมวยไม่เกิน 10 คน ต่อ 1 คลาส หรือสามารถเลือกเรียนแบบตัวต่อตัวก็ได้เช่นกัน การสอนจะไล่ระดับจากง่ายไปยาก เริ่มจากวอร์มร่างกาย ซึ่งครูฝึกจะพาวิ่งรอบๆ สูดอากาศให้เต็มปอด ก่อนเรียนพื้นฐานการยืนมวย ออกหมัด เตะ เข่า ศอก ที่จะค่อยๆ เพิ่มระดับความยากตั้งแต่ระดับ 1 ไปจนถึงระดับ 5 ที่พร้อมจะลงสนามเป็นนักมวยอาชีพ โดยผู้เรียนที่ผ่านวิชาจะได้ประกาศนียบัตรรับรองผลจากสถาบันเวทีมวยราชดำเนิน เพื่อเป็นการรับรองว่าได้ผ่านการฝึกวิชามวยไทยให้อีกด้วย

     “เคล็ดลับคือปล่อยตัวสบายๆ อย่าเกร็ง อย่าคิดเยอะ ไม่อย่างนั้นการออกหมัดจะไม่เป็นธรรมชาติ ถ้าไม่เกร็ง เราก็จะต่อยได้เป็นธรรมชาติ เราก็จะทำได้ง่ายขึ้น และจะสนุกกับมัน”

 

 

      ครูโบ้-องอาจ บุญโนนแต้ บอกกับผมหลังจากที่เพิ่งจบคลาสต่อยมวยกับ RSM ซึ่งเอาเข้าจริงๆ แล้วนี่ไม่ใช่คลาสชกมวยครั้งแรกของผม ก่อนหน้าที่จะมาที่  RSM สาขาฮับบาโตะ (HUBBA-To) ในย่านสุขุมวิท 77 แห่งนี้ ผมเองก็เคยมีประสบการณ์ในการเข้าคลาสต่อยมวยตามฟิตเนสเซ็นเตอร์หลายๆ แห่งมาแล้ว ก่อนเข้าคลาสกับที่นี่จึงรู้สึกย่ามใจพอสมควร และคิดว่าคงไม่ยากนักหรอก แต่นั่นก็ผิดถนัด เพราะเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แค่เพียงการยืน ฟุตเวิร์ก การถ่ายน้ำหนัก หรือแม้กระทั่งการออกหมัด ก็ดูจะทำอะไรไม่ค่อยถูกต้องไปเสียทุกอย่าง

     “มวยไทยแบบที่สอนกันในค่ายหรือยิมมวยเนี่ย เขาเป็นสอนเพื่อเป็นอาชีพ แต่ถ้าสอนตามสถานออกกำลังกายแบบนี้ก็มีจุดมุ่งหมายให้ออกกำลังกาย อย่างการคาร์ดิโอหรือเผาผลาญไขมัน ถ้าเป็นที่อื่น เราไม่รู้ว่าเขาจะสอนคุณถูกหรือเปล่า อย่างการยืนวางท่า การก้าวขา และการออกหมัด แต่ที่นี่เราไม่ได้สักแต่ให้คุณออกแรง แต่ต้องสอนให้ถูกต้องตามหลักทั้งหมดเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ เมื่อก้าวถูกก็จะออกหมัด ฟันศอกได้ถูก ต้องประสานร่างกายได้ถูกด้วย”

     ครูโบ้ผู้อยู่กับมวยไทยมาตลอดตั้งแต่อายุ  8 ขวบ จนเดี๋ยวนี้อายุ 40 กว่าปีแล้ว นอกจากเคยเป็นนักมวยอาชีพแล้วยังเคยสอนมวยอาชีพด้วย เพิ่งมาเริ่มสอนมวยในสถานออกกำลังกายมาได้ก็ในช่วง 8-9 ปีหลังมานี้เอง เขาให้ความเห็นว่าการที่ฟิตเนสเซ็นเตอร์ในสมัยนี้มีคลาสออกกำลังกายโดยใช้มวยไทยกันเยอะขึ้นนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่สำหรับคนที่เรียนจริงๆ อาจจะต้องลองถามตัวเองว่าต้องการแค่ออกกำลังกายอย่างเดียว หรือต้องการที่จะเรียนรู้วิชามวยที่ถูกต้องไปพร้อมๆ กันด้วย ที่สำคัญคือเหตุผลด้านความปลอดภัย ซึ่งหากเรียนรู้วิธีที่ถูกต้องแล้วจะช่วยลดอาการบาดเจ็บลงได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

     “การเรียนมวยไทย ถ้าเราทำถูกวิธีก็ไม่เจ็บ ไม่ว่าจะเตะ ต่อย ออกหมัด มันก็ไม่เจ็บ ต้องเก็บข้อ ต้องเตะให้ถูก แรกๆ คุณอาจจะนึกขัดใจบ้างว่าทำไมทำไม่ถูกต้องสักที แต่คนจะเป็นช้าหรือเร็วก็ขึ้นอยู่กับว่ามาฝึกซ้อมบ่อยแค่ไหน ยิ่งทำมาก ร่างกายก็จะจำได้เอง มันขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอ ผมบอกเลยถ้ามาบ่อยๆ คุณทำได้แน่นอน

     “นอกจากมีประโยชน์ด้านการช่วยคาร์ดิโอและเบิร์นไขมันแล้ว ยังนำไปใช้ในการป้องกันตัวเองได้ด้วย เพราะเรารู้จักการออกหมัดเตะต่อยแล้ว ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นในชีวิตประจำวันก็สามารถนำไปใช้ได้จริง”

 

 

     นอกจากทำให้ร่างกายแข็งแรง ก็ยังจะมีวิชาศิลปะป้องกันตนติดตัวเอาไว้อีกด้วย แต่เราคิดอีกทีว่าขออย่าให้มีโอกาสได้ใช้วิชานั้นกันเลยน่าจะดีกว่า

 

Photo: Courtesy of RSM Academy