เกิดอะไรขึ้น:
บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) เผยแผนธุรกิจปี 2565 โดยปรับเป้า Credit Cost ลดลงจาก 1.2-1.5% สู่ 1% (เทียบกับ 0.72% ใน 1Q65 และ 0.93% ในปี 2564) หลักๆ เป็นเพราะบริษัทได้มีการปรับเปลี่ยนพารามิเตอร์ในการคำนวณผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ให้เป็นไปในเชิงบวกมากขึ้น
MTC ตั้งเป้าเพิ่ม LLR Coverage สู่ 120-140% ภายในสิ้นปี 2565 โดยคาดว่า NPL จะยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2565 เมื่อพิจารณาจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอ การสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ การมีสัดส่วนสินเชื่อกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น (สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ สินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน และสินเชื่อซื้อก่อนจ่ายทีหลัง) เพิ่มมากขึ้น และการขยายสินเชื่อเชิงรุก
อัตราส่วน NPL ที่เพิ่มขึ้นใน 1Q65 ส่วนใหญ่เกิดจากธุรกิจใหม่ (สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่) NPL ของสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่อยู่ที่ราว 5% ของสินเชื่อรวม โดยส่วนหนึ่งเกิดจากมาตรฐานการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อที่ไม่รัดกุม ซึ่งบริษัทได้แก้ไขให้การอนุมัติเข้มงวดมากขึ้น และคาดว่าจะช่วยให้ NPL ลดลงใน 2Q65 ทั้งนี้ MTC ยังคงเป้าอัตราส่วน NPL ไว้ที่ไม่เกิน 2% ในปี 2565 เทียบกับ 1.67% ณ 1Q65
ส่วนสินเชื่อจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยได้รับการสนับสนุนจากกลยุทธ์การกำหนดราคาเชิงรุก การเร่งขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง และยอดปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ที่เร่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว MTC พบว่าสินเชื่อเติบโตดีต่อเนื่อง QTD ใน 2Q65 ซึ่งบริษัทตั้งเป้าขยายพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่จาก 4.2 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2564 สู่ราว 1.0 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 2565 ปัจจุบันบริษัทอยู่ในช่วงของการเริ่มทดสอบการให้บริการ ‘ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง’ (Buy Now Pay Later) ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่แข่งขันได้ที่ 17-18% ซึ่งต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
ด้านผลตอบแทนจากการให้สินเชื่อ MTC เชื่อว่าได้ทำจุดต่ำสุดไปแล้วใน 1Q65 และคาดว่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวตั้งแต่ 2Q65 จากการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนสินเชื่อมามีสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่และสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกันเพิ่มมากขึ้น ขณะที่คาดว่าต้นทุนทางการเงินจะปรับขึ้นอีกราว 30 bps ใน 2H65 และในปี 2565 จะอยู่ที่ราว 3.4%
ทั้งนี้ MTC ยังคงอัตราดอกเบี้ยโปรโมชันสำหรับสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ไว้ที่ 16% โดย Upside จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะถูกหักล้างโดยต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น MTC ปรับลดลง 11.88%MoM อยู่ที่ระดับ 44.50 บาท ขณะที่ SET Index ปรับตัวลง 3.26%MoM อยู่ที่ระดับ 1,635.47 จุด
แนวโน้มผลประกอบการในปี 2565:
SCBS ปรับประมาณการ Credit Cost ปี 2565 ลงสู่ 1.2% สูงกว่าเป้าของ MTC อยู่ 20 bps เพื่อสะท้อนความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อสูง และคาดว่า NIM จะลดลงอีก 39 bps ในปี 2565 โดยมีสาเหตุมาจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นเนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม อัตราการขยายตัวของสินเชื่อคาดยังแข็งแกร่งและสนับสนุนให้กำไรมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น 15%YoY ในปี 2565 ขณะที่ 2Q65 คาดกำไรเติบโต YoY แต่อยู่ระดับทรงตัว QoQ
ทั้งนี้ SCBS ให้เรตติ้ง Outperform สำหรับ MTC ที่ราคาเป้าหมาย 67 บาทต่อหุ้น (สำหรับปี 2566) ซึ่งปัจจุบัน Valuation น่าสนใจด้วย PBV ที่ -2SD หลังจากราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาแล้ว 60% นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2564