สุริยะพร้อมผู้ว่าการ รฟม. ตรวจจุดเกิดเหตุรางจ่ายกระแสไฟฟ้ารถไฟฟ้าสีชมพูหล่น คาดสาเหตุจากเศษดินของเครนติดค้าง

วันนี้ (24 ธันวาคม) จากกรณีรางจ่ายกระแสไฟฟ้า (Conductor Rail) โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี (อยู่ระหว่างทดลองการเดินรถ) หลุดร่วงลงชั้นพื้นถนน และเกี่ยวสายไฟฟ้าบริเวณหน้าตลาดชลประทาน ถนนติวานนท์ ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ได้รับความเสียหายโดนรถยนต์เสียหาย 3 คัน และมีเสาไฟฟ้าหักล้มใกล้อีก 1 ต้น

ต่อมา สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย ชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม และ ภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ลงพื้นที่จุดแรกที่บริเวณซอยติวานนท์ 34 ซึ่งเป็นจุดที่ขบวนรถไฟฟ้าสายสีชมพูติดค้างอยู่บริเวณรางเพื่อตรวจสอบสาเหตุ โดยพบมีชิ้นส่วนระบบส่งไฟฟ้าติดอยู่ที่บริเวณล้อของรถไฟฟ้าสายสีชมพู

จากนั้นสุริยะได้เดินทางมาตรวจสอบที่บริเวณตลาดกรมชลประทานที่มีรางระบบส่งไฟฟ้าหล่นลงมายังถนน

สุริยะระบุว่า สาเหตุคาดว่าเกิดจากมีเศษดินจากเครนที่นำมาใช้ดึงแผ่นชีทไฟล์เพื่อป้องกันดินถล่มด้านล่างรถไฟฟ้า เมื่อยกสูงขึ้นจึงทำให้เศษดินไปติดที่รถตรวจการณ์ จนเป็นสาเหตุที่ทำให้รางจ่ายไฟฟ้าหล่นลงมาพาดกับสายไฟและมีเสาไฟล้ม ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับขบวนรถโดยสาร

ส่วนที่ประชาชนตั้งคำถามถึงเรื่องความปลอดภัย สุริยะกล่าวย้ำว่าเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นง่ายๆ และในอนาคตจะพยายามระวังเรื่องนี้ไม่ให้เกิดขึ้นอีก พร้อมสั่งการให้ รฟม. มีการตรวจสอบระบบส่งไฟฟ้าตลอดเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีชมพู

สำหรับรถประชาชนที่ได้รับความเสียหาย ทาง รฟม. และผู้รับเหมาจะเป็นผู้รับผิดชอบ โดยในวันพรุ่งนี้ (25 ธันวาคม) รถไฟฟ้าสายสีชมพูจะกลับมาเปิดให้บริการตั้งแต่สถานีมีนบุรีไปจนถึงสถานีแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 28 และจะปิดให้บริการตั้งแต่สถานีเลี่ยงเมืองปากเกร็ดไปจนถึงสถานีศูนย์ราชการนนทบุรี เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 7 วัน

ด้านภคพงศ์กล่าวว่า ได้สั่งการให้ผู้รับเหมาระมัดระวังการยกของสูงใต้ทางวิ่งของรถไฟฟ้าสายสีชมพู พร้อมยืนยันว่าระบบขนส่งไม่มีปัญหาอะไร แต่ด้วยน้ำหนักของตัวรถที่มีมากกว่า 100 ตัน เมื่อเกิดการเบียดทำให้เกิดแรงกระชาก จากนี้จะมีการตรวจสอบและหาสาเหตุที่ชัดเจนอีกครั้ง

มีรายงานว่าที่หน้าตลาดกรมชลประทานได้มีการตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ COMMAND POST มีการระดมรถเครนทั้งของบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และการไฟฟ้านครหลวงกว่า 10 คัน เข้าดำเนินการ โดยเริ่มจากการตัดกระแสไฟฟ้า จากนั้นจะใช้รถเครนประคองชิ้นส่วนรางอะลูมิเนียมรถไฟฟ้า ซึ่งพบว่ามีน้ำหนักมาก ต้องใช้รถเครนจำนวน 2 คันในการประคองรางไว้

นอกจากนี้ยังต้องใช้เครนรั้งเสาไฟฟ้าเพื่อป้องกันเสาตีกลับ และยังคงปิดการจราจรฝั่งซ้ายหน้าตลาดกรมชลประทานให้รถเบี่ยงไปใช้ถนนฝั่งตรงข้ามแทน

อ้างอิง:

• รถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู