ศูนย์วิจัยกสิกรไทยกล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพุธที่ 23 ธันวาคม 2563 นี้คาดว่า กนง. จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% เพราะมองว่าเศรษฐกิจไทยในปีหน้ายังเริ่มเข้าสู่การฟื้นตัว ทำให้ กนง. ยังคงติดตามเศรษฐกิจอย่างระมัดระวัง โดยคาดว่าปี 2564 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 3.6% จากปีนี้ที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2563 จะติดลบ 7.8%
ทั้งนี้มองว่า จุดที่ต้องจับตาคือเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวต่อเนื่องหรือไม่ โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีแรก 2564 ซึ่งมีความเสี่ยงในหลายด้าน ได้แก่ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลต่อการส่งออกและภาคการท่องเที่ยว
นอกจากนี้ยังต้องจับตาแนวโน้มเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง โดยช่วงที่ผ่านมาแข็งค่าทะลุ 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าสูงสุดในรอบ 7 ปี แต่ปีหน้ามองว่าเงินบาทยังแข็งค่าจากปัญหาเชิงโครงสร้างเดิมของไทยที่เกินดุลบัญชีเดินสะพัดและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ยังอ่อนค่า
ขณะเดียวกันประเทศไทยติดอยู่ในบัญชี Monitoring List ของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ซึ่งมาจากปัจจัยเชิงโครงสร้างของไทยทั้งเกินดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับสูง
อย่างไรก็ตามมองว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าและความไม่แน่นอนของโควิด-19 ในปีหน้าอาจเพิ่มแรงกดดันต่อผลการฟื้นตัวเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง
ขณะที่ปี 2564 คาดว่าไตรมาสแรกมีสัญญาณฟื้นตัวค่อนข้างแผ่ว จึงมีความเป็นไปได้ที่ กนง. อาจจะส่งสัญญาณและใช้เครื่องมือดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติม รวมถึงการทบทวนมาตรการทางด้านการเงินและมาตรการสินเชื่อให้มีความเหมาะสมที่จะผลักดันให้สถาบันการเงินปรับโครงสร้างหนี้ให้ลูกหนี้
ด้าน สมประวิณ มันประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และผู้บริหารสายงานวิจัยและหัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ตลอดปี 2563 นี้คาดว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% ต่อปี เพื่อประคองเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว โดยในระยะต่อไปและตลอดทั้งปี 2564 มองว่า เศรษฐกิจไทยยังอาจได้รับผลกระทบจากการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ไม่ฟื้นตัว ขณะเดียวกันภาพรวมการจ้างงานและรายได้ อาจจะกระทบกำลังซื้ออย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้คาดการณ์ว่า ปี 2564 เศรษฐกิจไทยจะกลับมาขยายตัวที่ 3.3% จากปี 2563 ส่วน GDP ปี 2563 คาดว่าจะติดลบราว 6.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล