วันนี้ (30 เมษายน) พรรคก้าวไกลจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี ที่อุทยานเรียนรู้ป๋วย 100 ปี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) บัญชีรายชื่อ และในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ก่อนเริ่มการประชุมว่า การประชุมวันนี้จะมีแก้ไขข้อบังคับพรรค เพื่อเพิ่มมาตรการป้องกันการคุกคามทางเพศ และพูดคุยเรื่องนโยบายต่างๆ กับสมาชิกพรรค
ส่วนการตั้งเป้า ส.ส. แบบเขตและบัญชีรายชื่อในการเลือกตั้งสมัยหน้า มีตัวเลขในใจไว้แล้ว ซึ่งเกิน 100 ที่นั่งอย่างแน่นอน แต่ได้มีการพูดคุยเป็นการภายในและขอไม่เปิดเผยต่อบุคคลภายนอก เพราะไม่อยากให้ผู้สมัคร ส.ส. คิดว่าเขาเป็นหนึ่งในนั้นหรือไม่ รวมทั้งไม่อยากให้ผู้สมัคร ส.ส. เสียกำลังใจ
สำหรับยุทธศาสตร์การเลือกตั้งครั้งหน้า พิธาเผยว่า คงต้องทำงานให้หนักและละเอียดมากขึ้น เพราะช่วงเวลาการก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่มีเวลาเตรียมตัวน้อย แต่ในส่วนของพรรคก้าวไกลมีความพร้อมและมีการทำงานที่เข้มข้นมากกว่า รวมถึงการทำงานในของ ส.ส. ในสภาด้วย ถึงแม้พรรคก้าวไกลจะมีการเปลี่ยนแปลงบุคคลหลายครั้ง แต่เราก็มีคนที่เพียบพร้อมเข้ามาทำงาน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้จะมีบุคคลที่มีชื่อเสียงทางการเมืองเข้ามาร่วมทำงานกับพรรคหรือไม่ พิธาระบุว่า ขอให้รอดูในงานและขอให้รอดูต่อไป เรามีจุดแข็งคือการเปิดกว้างให้กับทุกคนทุกอาชีพที่ต้องการทำงานร่วมกับพรรค
ส่วนวิสัยทัศน์ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล พิธากล่าวว่า ประเทศไทยจะเปลี่ยนแปลงได้ต่อเมื่อมีการกระจายอำนาจอย่างทั่วถึง เศรษฐกิจต้องเริ่มจากล่างขึ้นบน มองจากนอกประเทศเข้ามาในประเทศ การทำแบบนี้จะทำให้ประเทศไปต่อได้
ส่วนกระแสข่าวเรื่องนายกรัฐมนตรีสำรองมีการเสนอชื่อ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้เป็นนายกฯ ขัดตาทัพ ตามข้อเสนอของ อดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานญาติวีรชนพฤษภา 35 พิธามองว่า ตามระบบรัฐสภา นายกรัฐมนตรีควรมาจาก ส.ส. และอยู่ในเเคนดิเดตของนายกรัฐมนตรี แต่จะเหมาะสมหรือไม่ ขอให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน และตัว พล.อ. ประวิตร ยังคงมีบางประเด็นที่ยังเป็นที่เคลือบแคลงใจของสังคม เช่น ประเด็นเรื่องป่ารอยต่อ และเรื่องการค้ามนุษย์
ด้าน ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงความพร้อมในการจัดสรรว่าที่ผู้สมัครและจัดตั้งสาขาพรรคว่า ตอนนี้ใกล้ครบ 400 เขตแล้ว และตั้งแต่ช่วงปิดสมัยการประชุมสภา พรรคได้จัดอบรมให้ว่าที่ผู้สมัครไปแล้ว 9 ครั้ง และจะทยอยทำให้ครบ 400 เขต นอกจากนี้ยังมีการปรับทีมงานสื่อสารของพรรค โดยจะมีการเเจ้งในที่ประชุมอย่างชัดเจน พร้อมย้ำว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกลจะเสนอชื่อพิธาเพียงคนเดียว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการปลดล็อกให้มีนายกรัฐมนตรีคนนอก พิธาจะใช้เงื่อนไขนี้มาชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น พิธายืนยันจะทำตามระบบกลไกของรัฐสภา ก่อนจะบอกว่าด้วยสถานการณ์การเมืองที่เป็นอยู่นี้จำเป็นต้องรักษาระบบเอาไว้ให้มั่น ทุกอย่างต้องมีความชอบธรรม และถ้ามาอย่างไม่ชอบธรรม ต่อให้เป็นซูเปอร์แมนที่เก่งแค่ไหนก็ไม่สามารถบริหารหรือมีภาวะผู้นำให้ประชาชนยอมรับได้ทั้งในประเทศและนอกประเทศ
ทั้งนี้ หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง 3 รายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่มีอยู่ตอนนี้ คือ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย, ชัยเกษม นิติสิริ และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ใครเหมาะสมที่สุดนั้น พิธากล่าวว่า ขอให้เกิดขึ้นก่อนแล้วค่อยว่ากัน
