วันนี้ (20 ธันวาคม) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (ปลัด สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ตามที่ สธ. ได้กำหนดเป้าหมายการฉีดวัคซีนโควิดแก่ประชาชนให้ได้ 100 ล้านโดส เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกัน ช่วยลดการป่วยหนักและเสียชีวิตจากโรคโควิดนั้น ข้อมูลจากหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ที่รายงานผ่านสำนักตรวจราชการของกระทรวงเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2564 พบว่า สธ. สามารถฉีดวัคซีนได้บรรลุเป้าหมายแล้ว หลังมียอดการฉีดวัคซีนสะสมอยู่ที่ 100,054,961 โดส ซึ่งครอบคลุมประชากรตามทะเบียนราษฎร์และประชากรแฝงซึ่งมี 72 ล้านคนดังนี้
- เข็มที่ 1 จำนวน 50,573,308 คน คิดเป็น 70.21%
- เข็มที่ 2 จำนวน 44,393,213 คน คิดเป็น 61.63%
- เข็มที่ 3 จำนวน 5,020,704 คน คิดเป็น 6.97%
- เข็มที่ 4 จำนวน 66,722 คน คิดเป็น 0.09%
อย่างไรก็ตาม สธ. จะเดินหน้าจัดบริการฉีดวัคซีนโควิดแก่ประชาชนต่อเนื่อง และให้หน่วยงานสาธารณสุขเร่งค้นหาผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะกลุ่ม 608 สื่อสารทำความเข้าใจถึงประโยชน์ของวัคซีนและให้เข้ารับการฉีด ร่วมมือกับฝ่ายปกครองและท้องถิ่นจ้ดบริการเชิงรุกในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก เช่น ชุมชนชาวเขา กลุ่มผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงที่ไม่สามารถเดินทางเองได้ รวมถึงเปิดโอกาสให้กลุ่มแรงงานต่างด้าวทั้งที่ได้รับอนุญาตแล้วและยังไม่ได้รับอนุญาต เข้ารับการฉีดวัคซีนให้มากที่สุด เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ประชากรทุกกลุ่มที่อยู่ในประเทศ
นพ.เกียรติภูมิกล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ สธ. อยู่ในช่วงรณรงค์ให้ประชาชนชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบทั้ง 2 เข็มแล้วตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์-กันยายน 2564 โดยเฉพาะผู้ที่ฉีดวัคซีนชนิดเดียวกัน 2 เข็ม ทั้ง AstraZeneca และ Sinovac เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และเมื่อประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนมากขึ้น มีภูมิคุ้มกันมากขึ้น ร่วมกับปฏิบัติตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด ได้แก่ COVID-FREE Setting และ Universal Prevention ทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดดีขึ้น จะมีการเสนอรัฐบาลเพื่อพิจารณาผ่อนปรนมาตรการหรือพื้นที่ต่างๆ ต่อไป เพื่อให้ประชาชนได้กลับไปใช้ชีวิตใกล้เคียงปกติมากที่สุดตามรูปแบบชีวิตวิถีใหม่ เกิดการขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจของประเทศควบคู่กับมีความปลอดภัยจากโรคโควิด