“Moonlit Winter เป็นภาพยนตร์ Queer ครับ เหตุผลที่ต้องกล่าวเรื่องจริงที่เห็นชัดเจนแบบนี้ให้ฟัง เพราะเหมือนว่าในบรรดาผู้ชมอาจจะยังมีคนไม่รู้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นแนวไหน อย่างที่เห็นกัน ตอนนี้คือปี 2021 ที่คอนเท็นต์ LGBTQ เป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งผมดีใจจริงๆ ในอนาคตผมจะคิดให้มากขึ้น และพยายามเพื่อสร้างภาพยนตร์ดีๆ ออกมาครับ”
ผู้กำกับ อิมแดฮยอง กล่าวบนเวที Blue Dragon Film Awards ครั้งที่ 41 ขณะรับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมและบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจาก Moonlit Winter ว่าด้วยเรื่องจดหมายฉบับหนึ่งของเพื่อนเก่าที่ถูกส่งมาหา ยุนฮี (คิมฮีแอ) จ่าหน้าซองจากเมืองโอตารุ ประเทศญี่ปุ่น แต่คนที่ได้เปิดอ่านคนแรกคือลูกสาวของเธอ แซบม (คิมโซฮเย)
โดยไม่ต้องเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา แซบมก็เข้าใจได้ว่า จุน (นากามูระ ยูโกะ) หญิงสาวลูกครึ่งญี่ปุ่น-เกาหลี เจ้าของลายมือในจดหมายนั้นเป็นคนพิเศษของแม่ที่ไม่ได้ติดต่อกันนานกว่า 20 ปีตั้งแต่สมัยมัธยม แผนของแซบมที่อยากให้แม่พบกับเขาคนนั้นจึงเริ่มต้นในช่วงปิดเทอมก่อนเข้ามหาวิทยาลัย
ภาพของยุนฮีในความรับรู้แรกคือหญิงวัยกลางคนที่เพิ่งแยกทางกับสามี อินโฮ (ยูแจมยอง) เธอทำงานในโรงอาหารของบริษัทแห่งหนึ่ง ทั้งใบหน้าราบเรียบ การแอบหลบสูบบุหรี่ตอนใครสักคนเดินผ่านมา ชวนให้รู้สึกราวกับร่างกายถูกกักขังอยู่กับความหมองหม่นแบบนี้มานาน โดยที่จิตวิญญาณล่องลอยหายไปไหนสักแห่ง จนนึกสงสัยว่าก่อนหญิงสาวคนหนึ่งจะกลายมาเป็นแม่ที่ใช้ชีวิตอยู่เพื่อลูก ตัวเธอเคยผ่านเรื่องราวแบบไหนมาก่อนบ้าง
“พอใช้ชีวิตอยู่ไปก็มีช่วงเวลาแบบนั้นใช่ไหมล่ะ ช่วงเวลาที่อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว”
พอยุนฮีได้อ่านจดหมายเอง ประจวบเหมาะกับข้ออ้างชวนไปเที่ยวของลูกสาว เธอตัดสินใจทิ้งงานและเก็บกระเป๋ามุ่งหน้าไปยังเมืองโอตารุ ปลายทางที่รักแรกของเธออาศัยอยู่กับ ป้ามาซาโกะ (คิโนะ ฮานะ) ซึ่งเป็นคนแอบส่งจดหมายมาให้
ในเมืองที่หิมะปกคลุมทุกสิ่งราวกับจะไม่มีวันหยุดตก ขณะยุนฮียังไม่กล้าไปปรากฏตัวต่อหน้าจุน แซบมก็ได้ทำความรู้จักกับแม่มากขึ้นผ่านรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นบ่อยนัก และหลายครั้งก็ประหลาดใจว่าแม่รู้เรื่องเธอเยอะขนาดนี้ แต่แค่ไม่เคยพูดอะไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เธอสูบบุหรี่หรือเรื่องแฟนหนุ่มชื่อ คยองซู (ซองยูบิน) ที่แอบติดสอยห้อยตามมาคอยช่วยเหลือให้แผนการสำเร็จ
อาจเพราะยุนฮีในวัยเดียวกับแซบมตอนนี้ไม่เคยได้รับอนุญาตจากครอบครัวและสังคมให้เลือกทางเดินของตัวเอง ไม่มีใครส่งเรียนต่อมหาวิทยาลัยเหมือนพี่ชาย ความรักของเธอกับจุนถูกมองเป็นความป่วยทางจิต พี่ชายบังคับให้เธอแต่งงานกับคนอื่น กระทั่งชีวิตคู่ที่โดดเดี่ยวจบลง และอดีตสามีกำลังจะแต่งงานใหม่ เธอจึงยิ้มทั้งน้ำตาด้วยความยินดีให้กับเขาที่ได้ค้นพบความรักจริงๆ
ขณะที่ยุนฮีกับจุน เราไม่แน่ใจว่าการกลับมาพบกันของพวกเขาจะลงเอยอย่างไร จากที่ทั้งคู่ได้แต่ซ่อนความคิดถึงเอาไว้ในตัวอักษรและความฝัน แต่สุดท้ายแล้วมันก็คงไม่สำคัญเท่ากับการเห็นยุนฮีปลดล็อกจากชีวิตที่ถูกลงโทษ ซึ่งอาจเริ่มขึ้นตั้งแต่ที่เธอได้อ่านจดหมายของจุน แล้วตัดสินใจเลือกขึ้นไปบนขบวนรถไฟ และกลับมาบอกลาพี่ชาย โดยไม่ต้องสนว่าเธอมีภาระผูกมัดอะไรอีกแล้ว
ถ้าค้นความหมายของชื่อตัวละครจะพบว่า ยุนฮี หมายถึง ‘แวววาวและเปล่งประกาย’ แซบม หมายถึง ‘ฤดูใบไม้ผลิครั้งใหม่’
ผ่านไปราว 20 ปี เป็นอีกครั้งที่ฤดูหนาวพ้นผ่าน และฤดูใบไม้ผลิมาเยือนอีกครั้ง กองหิมะถูกกวาดออกจนเผยให้เห็นรางรถไฟเส้นใหม่ ในวันนั้นลูกสาวผู้เปี่ยมด้วยความมั่นใจของเธอเพิ่งเปิดเทอมมหาวิทยาลัยครั้งแรก ส่วนยุนฮีก็ได้ก้าวออกมาจากความมืดหม่น และพบเส้นทางชีวิตที่เป็นของตัวเธอเองเสียที
ภาพ: daum.net
อ้างอิง: