วานนี้ (18 กุมภาพันธ์) มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ทำหน้าที่พรรคร่วมฝ่ายค้านในการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นครั้งแรก ในส่วนของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยมีการบริหารจัดการด้วยการสร้างหนี้สาธารณะให้เกิดกับประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ทำให้มองไม่เห็นอนาคต ไร้ทิศทาง ด้วยการบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ไร้ประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ และมีโอกาสที่จะทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของพี่น้องประชาชนตามมา
ต่อมามงคลกิตติ์ได้อภิปรายถึง ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ถึงการล็อกสเปกโครงการก่อสร้างรับเหมาในหน่วยงานของกระทรวงคมนาคม โดยมีงบประมาณปีละ 1 แสนล้านบาท ก่อนศักดิ์สยามเข้ามาบริหารไม่มีการล็อกสเปก แต่พอเป็นยุคนี้ก็เริ่มมีการทุจริตเกิดขึ้น โดยมีการหักเปอร์เซ็นต์ หักหัวคิวการเสนอราคาเพื่อรับงาน เพื่อส่งบ้านใหญ่ มีการกำหนดออกแบบการเสนอราคาโดยมีการเอื้อประโยชน์เอกชนในการเข้าสู้ราคาภาครัฐ
มงคลกิตติ์ระบุว่า มีการสั่งการผ่านหนังสือราชการในสองหน่วยงานไม่ให้มีการร่าง TOR หรือทำประชาพิจารณ์ ต้องตั้งคำถามว่ารัฐมนตรีไม่รู้เห็นเลยหรือ มิเช่นนั้นอาจเป็นการปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำทุจริต พร้อมทั้งมีการระบุให้ทุกโครงการต้องผ่านรัฐมนตรีด้วย หมายความว่าต้องรับรู้การล็อกสเปกหรือไม่
“มีการแบ่งงานกันของเอกชน เข้าข่ายลักษณะของการฮั้ว มีการจ่ายเงินให้บ้านใหญ่หลายเปอร์เซ็นต์ โดยมีหลักฐานตรวจสอบเส้นทางทางการเงินได้” มงคลกิตติ์กล่าว
มงคลกิตติ์ยังตั้งคำถามไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี แทนเพื่อนสมาชิก 20 คน ซึ่งมีคุณสมบัติที่จะได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตามที่กฎหมายกำหนด และสภาผู้แทนราษฎรได้คัดกรองเบื้องต้นส่งไปยังสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาว่าผ่านหรือไม่ผ่านคุณสมบัติ ตนขอถามว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการหรือไม่ ที่พวกตนส่วนใหญ่เป็นผู้ตรวจสอบฝ่ายรัฐบาล
“แต่มี ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลบางคนขาดคุณสมบัติถูกจำคุกถึงที่สุดและพ้นสภาพไปเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังได้สิทธิ์นี้ ฉะนั้นผมไม่อยากให้ประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศเข้าใจผมผิดว่า ที่ผมไม่ได้เพราะตนอาจเป็นผู้ไม่จงรักภักดี” มงคลกิตติ์กล่าวในที่สุด
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
