วันนี้ (17 กุมภาพันธ์) ที่อาคารรัฐสภา มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวอภิปรายว่า ประเด็นแรกขอพูดถึงการร่วมกันทุจริต กักตุนหมูจนทำให้หมูแพง ส่งผลทุกสินค้าแพงทั้งแผ่นดิน และค่าครองชีพของประชาชนสูงขึ้น ขอกล่าวหา พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ, จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่กำกับกรมการค้าภายใน และ ประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่กำกับกรมปศุสัตว์ ร่วมกันทุจริต กักตุนหมู ทำให้หมูแพง และสินค้าแพงทั้งแผ่นดิน
มงคลกิตติ์กล่าวว่า ราคาสุกรที่เกษตรกรขายได้ในปี 2564 เฉลี่ยกิโลกรัมละ 72.71 บาท ส่วนราคาส่งออกเนื้อสุกรเย็นแช่แข็งเฉลี่ยกิโลกรัมละ 122.76 บาท โดยสุกรขาดตลาดมาจากสาเหตุโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) และอาหารสุกรราคาแพงขึ้น เนื่องจากเจ้าสัวเป็นผู้กำหนดราคา
ทั้งนี้ ตลาดผู้เลี้ยงสุกรมีปริมาณรวม 18 ล้านตัว แบ่งเป็นมาจากฟาร์มบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง 5 ล้านตัวต่อปี คิดเป็น 27.77% ที่ครองตลาดสูงสุด และที่เหลือมาจากฟาร์มนักการเมือง ฟาร์มเกษตรกรรายย่อย โดยโรค ASF เริ่มระบาดมาตั้งแต่ปลายปี 2562 จนถึงปัจจุบัน ตนจึงขอถามไปยังอธิบดีกรมปศุสัตว์ และประภัตรว่าเหตุใดจึงต้องปกปิดข้อมูล หรือกลัวว่าจะกระทบฟาร์มเจ้าสัวใหญ่หรือไม่ จนทำให้ราคาสุกรสูงขึ้น เพราะสุกรขาดตลาด ต่อมาก็ค่อยไปตามจับสุกรแช่แข็งแค่สองที่ ถามว่าเป็นการจับพอเป็นพิธีหรือไม่ เพื่อบอกว่าอย่างน้อยก็ยังทำงาน
มงคลกิตติ์กล่าวอีกว่า เมื่อเดือนสิงหาคม 2564 ราคาสุกรอยู่ที่ 154 บาทต่อกิโลกรัม ต่อมาเดือนมกราคม 2565 ราคาขึ้นมาที่ 220 บาทต่อกิโลกรัม แค่ 6 เดือนราคาเพิ่มขึ้น 66 บาทต่อกิโลกรัม คิดเป็นเพิ่มขึ้น 42.8% ทำให้เจ้าสัวสุกรเจ้าใหญ่ และนักการเมืองที่เลี้ยงสุกรแต่ละจังหวัดฟันกำไร 42 บาทต่อกิโลกรัมในช่วง 3 เดือน กว่า 18,900 ล้านบาท ราคาสุกรเพิ่มขึ้น รายได้ประชาชนเท่าเดิม แต่ทำไมนายกรัฐมนตรี, ประภัตร และจุรินทร์ จึงไม่วางแผน และไม่มีมาตรการมาแก้ไขปัญหา ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องเจ้าสัวรายใหญ่หรือไม่ มีประชาชนคนไหนเชื่อว่าว่าพวกท่านไม่ได้ทุจริตบนคราบน้ำตาประชาชน
ประเด็นที่สอง คือราคานำ้มันเบนซิน ดีเซล แก๊ส ราคาแพง และค่าแรงถูก ขอกล่าวหา พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่ปล่อยปละละเลย ด้อยปัญญา ความรู้น้อย โง่แต่ขยัน บริหารทำให้ราคานำมันแพง เพราะประเทศไทยเก็บภาษีหลายชนิด เช่น ภาษีสรรพสามิต ภาษีมูลค่าเพิ่ม และกองทุนน้ำมัน เป็นต้น เก็บได้ร่วมลิตรละ 10-11 บาท เป็นการรีดภาษีจากประชาชนปีละ 230,860 ล้านบาทต่อปี การที่ออกมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ลดภาษีสรรพสามิตลิตรละ 3 บาท 3 เดือน ก็ไม่ได้ทำให้ราคาน้ำมันลด
มงคลกิตติ์กล่าวต่อไปว่า นายกฯ เคยถามว่าใครเดือดร้อนจากน้ำมันแพง ซึ่งความจริงคือ ประชาชนคนไทยทุกคน คือ 66.19 ล้านคนเดือดร้อน ยกเว้นนายกฯ เพราะมีสวัสดิการมากกว่าประชาชน อาทิ รถหลวงฟรี น้ำมันฟรี คนขับรถฟรี ค่าบ้านหลวงฟรี ค่าไฟฟ้าฟรี ค่าน้ำฟรี ค่าข้าวฟรี ค่าพลทหารทำความสะอาดบ้าน ซักผ้า ล้างจาน และตัดหญ้าฟรี