แม้อากาศจะหนาวเหน็บแค่ไหน แต่ตลาดการซื้อขายของพรีเมียร์ลีกในรอบเดือนมกราคมนี้กลับร้อนแรงยิ่งกว่าปีไหน เมื่อหลายทีมใหญ่พร้อมกระโจนเข้าช้อปปิ้งนักเตะที่ต้องการมาร่วมทีมแบบชนิดไม่มีการกลัวคำว่า Panic Buy อีกแล้ว
ล่าสุดทีมจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกอย่างอาร์เซนอลที่เพิ่งได้ตัว เลอันโดร ทรอสซาร์ด กองหน้าทีมชาติเบลเยียมมาจากไบรท์ตัน และ ยาคุบ คีวิออร์ กองหลังทีมชาติโปแลนด์จากทีมสเปเซียเข้ามาเสริมทัพได้ยื่นข้อเสนออีก 60 ล้านปอนด์ให้แก่ทีม ‘นางนวล’ อีกรอบ เพื่อขอซื้อ มอยเซส ไกเซโด กองกลางดาวเด่นทีมชาติเอกวาดอร์มาร่วมทีม
โดยที่ก่อนหน้านี้เชลซี ซึ่งเสริมทัพไม่หยุดตั้งแต่ ทอดด์ โบห์ลี นำกลุ่มทุนใหม่เข้ามาซื้อกิจการสโมสรเอง แค่เฉพาะในช่วงรอบตลาดเดือนมกราคมก็ใช้เงินไป 190 ล้านปอนด์ ได้ยื่นข้อเสนอ 55 ล้านปอนด์เพื่อสู่ขอกองกลาง
ตามรายงานข่าวระบุว่า ข้อเสนอจากทั้งอาร์เซนอลและเชลซีถูกไบรท์ตันปฏิเสธไป เพียงแต่เชื่ออย่างยิ่งว่าทั้งสองทีมจะไม่ยอมจบแค่นี้อย่างแน่นอน โดยที่นักเตะวัย 21 ปีเองก็ดูเหมือนจะพร้อมที่จะย้ายไปหาการผจญภัยครั้งใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมเหมือนกัน ด้วยการเปลี่ยนตัวเอเจนต์กลางทาง ซึ่งเป็นสัญญาณว่าสนใจที่จะหาทางย้ายออกจากทีมให้ได้
คำถามคือทำไมทั้งอาร์เซนอลและเชลซีจึงอยากได้กองกลางที่เพิ่งเล่นในพรีเมียร์ลีกได้แค่ 26 นัดเท่านั้นถึงขนาดนี้?
คำตอบที่ง่ายที่สุดคือไกเซโดเป็นกองกลางตัวรับสไตล์ครบเครื่องที่หาได้ยากยิ่ง เป็นนักเตะที่แทบจะถอดพิมพ์เดียวกับ เอ็นโกโล ก็องเต ยอดกองกลางตัวรับที่เก่งที่สุดในโลกในยุคที่ผ่านมาเลยทีเดียว
ดาวเตะชาวเอกวาดอร์ – ที่เป็นความหวังของครอบครัวที่ยากจนข้นแค้นมีพี่น้องถึง 10 คน แต่พ่อและแม่สู้สุดชีวิตเพื่อจะส่ง ‘มอย’ ให้มาถึงดวงดาวให้ได้ – เป็นกองกลางในสไตล์ ‘หมายเลข 6’ ที่ทำหน้าที่ในเรื่องของเกมรับได้อย่างสมบูรณ์
การอ่านเกม การตัดเกมของเขายอดเยี่ยมอย่างมาก โดยในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2022/23 ไกเซโดเข้าสกัดบอลได้มากถึง 52 ครั้ง เป็นอันดับ 4 ของลีกในกลุ่มผู้เล่นกองกลาง ขณะที่ตัวเลขสถิติอื่นๆ เองก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กันเช่น การเอาชนะการดวล (Duels Won) ที่ 105 ครั้ง (อันดับ 6), การตัดบอล 26 ครั้ง (อันดับ 8)
แต่สถิติที่น่าสนใจมากยิ่งกว่าคือ การพยายามจ่ายบอลทะลุช่อง (Through Balls Attempted) ที่ทำมา 7 ครั้ง มากเป็นอันดับ 9 ของลีก
พูดง่ายๆ คือนอกจากเกมรับที่ดีแล้ว ไกเซโดยังมีความสามารถในการที่จะเปลี่ยนจังหวะเกมจากรับเป็นรุก หรือการ Transition ได้ด้วย ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่พิเศษอย่างมาก
ไม่เพียงเท่านั้นเขายังเป็นคนที่ออกบอลได้ดี สามารถกระจายบอลไปให้เพื่อนเล่นได้ และยังมีพละกำลังมากพอที่จะเล่นในสไตล์ Box-to-Box วิ่งขึ้นวิ่งลงครอบคลุมพื้นที่ทั้งสนามของทีมได้
จุดเดียวที่ไกเซโดทำได้ด้อยกว่าผลงานของตัวเองในฤดูกาลที่แล้วคือ เรื่องการหาโอกาสในการทำประตูจากนอกกรอบเขตโทษ ซึ่งในฤดูกาลนี้มีโอกาสลองส่องเป้าจากนอกกรอบเขตโทษแค่ 2 ครั้งเท่านั้นเมื่อเทียบกับในฤดูกาลที่แล้วที่ได้ลองยิง 10 ครั้ง แต่อย่าลืมว่าฤดูกาลนี้เพิ่งผ่านมาได้แค่ครึ่งทางเท่านั้นเอง
ความครบเครื่องต้มยำแบบนี้ทำให้ไกเซโดเป็นนักเตะที่หลายสโมสรใหญ่เฝ้าจับตามองมานาน ซึ่งก่อนหน้านี้ลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็ให้ความสนใจอยู่ก่อนที่จะเป็นเชลซีและอาร์เซนอลซึ่งเป็นสโมสรล่าสุดที่พยายามจะคว้าตัวเขามาร่วมทีมให้ได้
เพราะนั่นหมายถึงการได้กองกลางที่ทำอะไรก็ได้ในแดนกลางมาร่วมทีม โดยที่สนนราคาของไกเซโดนั้นแม้ทางไบรท์ตันดูเหมือนจะต้องการอยู่ที่ 100 ล้านปอนด์ แต่มีการประเมินว่าตัวเลขที่รับได้อาจจะไปไม่ถึงจุดนั้น
บางครั้ง 75 ล้านปอนด์สำหรับนักเตะอนาคตไกลที่สามารถจะเล่นกับทีมได้อีกยาวนาน มีโอกาสจะพัฒนาการเล่นได้อีกมาก และสำคัญคือไม่ได้เป็นระดับสตาร์ที่โดดเด่นค่าเหนื่อยจะไม่สูงมาก อาจจะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่าเมื่อเทียบกับนักเตะที่เป็นดาวเด่นอย่าง จูด เบลลิงแฮม หรือ เอนโซ เฟร์นันเดซ
สำหรับเชลซี พวกเขาอยากได้ใครสักคนที่จะมาแทนที่ก็องเต ที่ระยะหลังประสบปัญหาอาการบาดเจ็บ และมีปัญหาเรื่องของการเจรจาต่อสัญญาฉบับใหม่อยู่พอดี ซึ่งอย่างที่บอกไกเซโดนั้นแทบจะถอดแบบมาเลยทีเดียว
สำหรับอาร์เซนอล พวกเขาพร้อมเดิมพันจ่ายเงินทันทีตอนนี้ เพราะทีมมีโอกาสสูงที่จะลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกในรอบ 19 ปี โดยที่ไม่อยากให้อาการบาดเจ็บของ โมฮัมหมัด เอลเนนี ต้องกระทบต่อขุมกำลังในแดนกลาง
แต่สุดท้ายใครจะได้ตัวไกเซโดไป หรือจะไม่มีใครได้ไปเลย เพราะไบรท์ตันยังไม่ต้องการขาย ไม่เกินสัปดาห์หน้าจะได้รู้กันแน่นอน
อ้างอิง: