วันนี้ (14 กันยายน) พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานพิธีเปิดและมอบนโยบายการประชุมเชิงปฏิบัติการปลัดจังหวัด นายอำเภอ และผู้บริหารส่วนกลาง เพื่อขับเคลื่อนภารกิจและนโยบายสำคัญของรัฐบาลสู่การปฏิบัติในระดับพื้นที่ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 โดยมี อนุชา โมกขะเวส ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, พล.ต.ต. ธารา ปุณศรี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, ฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย, ธนาคม จงจิระ อธิบดีกรมการปกครอง, ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย, ปลัดจังหวัด, นายอำเภอ และผู้บริหารส่วนกลางของกรมการปกครอง รวม 1,074 คน ร่วมประชุม
พล.อ. อนุพงษ์ กล่าวว่า กรมการปกครองเป็นผู้นำนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยไปขับเคลื่อนและกำกับการปฏิบัติทุกหน่วยงานในพื้นที่ผ่านกลไกนายอำเภอ ปลัดอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และกรรมการหมู่บ้าน โดยกฎหมายว่าด้วยการปกครองท้องที่ ไม่ว่าส่วนราชการใดก็ต้องผ่านกลไกการปกครองท้องที่ ดังนั้นบุคลากรกรมการปกครองจึงใกล้ชิดกับการปฏิบัติงานทุกหน่วยงานและใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาฝ่ายปกครองมีผลการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เป็นความภูมิใจของกระทรวงมหาดไทย
จากนั้น พล.อ. อนุพงษ์ ได้มอบนโยบายการปฏิบัติงาน ได้แก่
- โครงการจิตอาสาพระราชทานเป็นการเอาประโยชน์สาธารณะเป็นตัวตั้ง โดยเฉพาะเรื่องน้ำและการพัฒนาในพื้นที่ตนเอง และเมื่อเกิดสาธารณภัยต้องช่วยเหลือและดูแลประชาชนให้กลับมาใช้ชีวิตปกติโดยเร็ว และจัดตั้งโรงครัวพระราชทานประกอบอาหารสำหรับประชาชนและผู้ปฏิบัติงานอย่างทั่วถึง
- การสกัดกั้นและป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ผ่านมา กลไกฝ่ายปกครองได้ร่วมกับสาธารณสุขและประชาชนในพื้นที่ สกัดกั้นการแพร่ระบาดด้วยความร่วมมือ ร่วมใจกันเป็นอย่างดี ทั้ง Local Quarantine และการใช้ชีวิตแบบวิถีใหม่ (New Normal) จึงขอให้รณรงค์ให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุข สวมหน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง ลดการพบปะใกล้ชิดกัน และล้างมือด้วยน้ำสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการระบาดของโรค
- การดำเนินงาน ‘รวมไทยสร้างชาติ’ มุ่งเน้นหลักการมีส่วนร่วมของประชาชน มีหลักการดำเนินงานสำคัญ 3 ประการ คือ 1. รับฟังความคิดเห็นของประชาชน ให้ประชาชนร่วมเสนอความคิดเห็น ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมตัดสินใจ 2. ประเมินผลสัมฤทธิ์ และ 3. ทำงานเชิงรุก ตอบสนองประชาชนอย่างรวดเร็ว เป็นรูปธรรม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน และการขับเคลื่อน ‘ไทยไปด้วยกัน’ เป็นแนวคิดในการติดตาม เร่งรัด ช่วยเหลือเยียวยา และขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่ มีกลไกการดำเนินงานระดับพื้นที่ โดยคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับจังหวัด ทำหน้าที่ติดตามรับฟังและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเร่งด่วนในระดับจังหวัด ตอบสนองความต้องการของประชาชนให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมและรวดเร็ว และมีรัฐมนตรีในแต่ละกระทรวงกำกับและให้คำปรึกษาในแต่ละจังหวัด
- การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดและการค้ามนุษย์ ต้องบูรณาการทุกภาคส่วน ลดดีมานด์ และซัพพลาย ของยาเสพติดและค้ามนุษย์อย่างจริงจังต่อเนื่อง เพื่อให้ยาเสพติดและการค้ามนุษย์หมดไป
- ศูนย์ดำรงธรรมถือเป็นเครื่องมือสำคัญของนักปกครองในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ประชาชน จึงต้องขับเคลื่อนการดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนให้เกิดผลสำเร็จ เป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง
สุดท้าย พล.อ. อนุพงษ์ เน้นย้ำว่า ฝ่ายปกครองต้องทำงานตามอำนาจหน้าที่ ระเบียบ กฎหมาย อย่างเคร่งครัด ครองตน ครองคน ครองงาน โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของความดี ทำหน้าที่ตามธรรมาภิบาล (Good Governance) ทำด้วยจิตใจนักปกครอง ห่วงทุกข์สุขประชาชน เพื่อให้พี่น้องประชาชนทุกคนมีความสุข ส่งผลให้ประเทศชาติมีความสงบสุขและเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล