×

มท.1 สั่งผู้ว่าฯ 16 จังหวัดโซนภาคใต้ เตรียมพร้อมรับมืออุทกภัย-คลื่นลมแรง เหตุหลังเดือน ต.ค. มีฝนตกชุก-พายุหมุนเขตร้อน

โดย THE STANDARD TEAM
27.10.2023
  • LOADING...
มท.1

วันนี้ (27 ตุลาคม) ไตรศุลี ไตรสรณกุล โฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ในฐานะฝ่ายเลขานุการกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ได้ติดตามการคาดหมายลักษณะอากาศร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยาพบว่า ช่วงครึ่งหลังของเดือนตุลาคม 2566 ร่องความกดอากาศต่ำที่พาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออกจะเลื่อนลงไปพาดผ่านบริเวณภาคใต้และอ่าวไทย 

 

ทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนตกชุกหนาแน่นและอาจมีพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนเข้ามาใกล้หรือเข้าสู่ประเทศไทยทางภาคตะวันออกและต่อเนื่องลงมาจนถึงอ่าวไทยตอนบนและภาคใต้ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งในบางแห่ง และเกิดคลื่นลมกำลังแรงและคลื่นสูงในบางช่วง

 

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยที่อาจเกิดขึ้น อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด 14 จังหวัดภาคใต้ จังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เฝ้าระวังและติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน สถานการณ์น้ำ และประเมินความเสี่ยงการเกิดอุทกภัย น้ำท่วมขัง และดินโคลนถล่มในพื้นที่เสี่ยงภัย โดยเฉพาะพื้นที่เขตเศรษฐกิจของจังหวัด พื้นที่ท้ายเขื่อน อ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำมาก และพื้นที่เชิงเขา มีการวางแผนติดตั้งเครื่องจักรกลสาธารณภัยในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยล่วงหน้า ตลอดจนแผนเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้รวดเร็วทันต่อสถานการณ์

 

โฆษกกระทรวงมหาดไทยกล่าวว่า แต่ละจังหวัดให้ความสำคัญกับการแจ้งเตือนประชาชนให้ทราบสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น และวิธีปฏิบัติเมื่อเกิดหรือคาดว่าจะเกิดสาธารณภัย โดยใช้การสื่อสารทุกช่องทางเพื่อให้ข้อมูลไปถึงประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งหอกระจายข่าว วิทยุชุมชน สื่อสังคมออนไลน์ เตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ เครื่องจักรกลสาธารณภัยให้พร้อมสำหรับออกช่วยเหลือประชาชน ส่วนกรณีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ต้องมีมาตรการแจ้งเตือน การปิดกั้นหรือห้ามบุคคลใดเข้าพื้นที่ 

 

สำหรับพื้นที่ชายฝั่งทะเล ให้กำชับสถานประกอบการ โรงแรม สื่อสารให้นักท่องเที่ยวระมัดระวังและห้ามลงเล่นน้ำในช่วงที่มีคลื่นลมแรง โดยหากมีแนวโน้มเกิดคลื่นลมแรง คลื่นซัดชายฝั่ง ให้แจ้งเตือนเดินเรือด้วยความระมัดระวัง นำเรือเข้าที่กำบัง และห้ามการเดินเรือช่วงที่มีคลื่นลมแรงโดยเคร่งครัด หากพบว่ามีเรือขนาดเล็กอยู่ในพื้นที่นอกชายฝั่งที่อาจเป็นอันตราย ให้นำเรือดังกล่าวกลับเข้าฝั่งเพื่อความปลอดภัย หากมีการฝ่าฝืนให้ดำเนินการตามกฎหมายในทุกกรณี

 

ในกรณีต้องเผชิญเหตุ เมื่อเกิดสาธารณภัยในพื้นที่ ให้จัดชุดปฏิบัติการจากหน่วยงานทั้งฝ่ายพลเรือน ทหาร ตำรวจ มูลนิธิ อาสาสมัคร ประชาชนจิตอาสา เร่งเข้าคลี่คลายสถานการณ์ พร้อมทั้งดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนในด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านการดำรงชีพ การจัดตั้งโรงครัวพระราชทานประกอบเลี้ยงผู้ประสบภัย การแจกจ่ายถุงยังชีพตามวงรอบเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ และประชาสัมพันธ์การช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเข้าใจและพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วนในพื้นที่ ในกรณีที่ประเมินแล้วว่าสถานการณ์จะมีแนวโน้มรุนแรง ให้สั่งการอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยไปยังพื้นที่ปลอดภัย หรือศูนย์พักพิงที่จัดเตรียมไว้โดยทันทีจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ

 

ทั้งนี้ เมื่อสถานการณ์คลี่คลายแล้ว ให้เร่งสำรวจความเสียหายให้ครบถ้วนทุกด้าน โดยเฉพาะบ้านเรือนที่พักอาศัย พื้นที่การเกษตร สิ่งสาธารณประโยชน์ โดยบูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วน เข้าซ่อมแซมและฟื้นฟูความเสียหายด้านต่างๆ ให้กลับสู่สภาพปกติโดยเร็ว ขณะเดียวกันต้องให้ความช่วยเหลือตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด โปร่งใส ตรวจสอบได้ และให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ได้รับผลกระทบรายงานกระทรวงมหาดไทยทราบผ่านกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลางเป็นประจำทุกวันจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ

 

“กระทรวงมหาดไทย โดยกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ให้ความสำคัญในการดำเนินมาตรการป้องกันก่อนเกิดภัย จึงกำชับให้ทุกจังหวัดติดตามข้อมูลสภาวะอากาศ เตรียมความพร้อมในมิติต่างๆ ตลอดจนสร้างการรับรู้กับภาคส่วนต่างๆ โดยยึดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ โดยหากพี่น้องประชาชนตกอยู่ในภัยพิบัติสามารถติดต่อหน่วยงานเพื่อแจ้งและขอรับความช่วยเหลือผ่านสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง” ไตรศุลีกล่าว

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising