รัฐมนตรีคลังยูโรถกเครียดทิศทางเศรษฐกิจ หนุนกระตุ้นการเติบโต พร้อมเล็งหานโยบายรับมือเงินเฟ้อที่พุ่งทุบสถิติ

บรรดารัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ด้านการเงินการคลังที่เกี่ยวข้องของ 19 ชาติสมาชิกผู้ใช้เงินสกุลยูโร ต่างพบปะเพื่อหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับทิศทางและนโยบายการเงินของภูมิภาครับปี 2022 นี้ โดยพบโจทย์ท้าทายใหญ่ในการต้องหาสมดุลระหว่างการกระตุ้นการเติบโต เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นจากความบอบช้ำเพราะการระบาดของไวรัสโควิดควบคู่ไปกับการหามาตรการรับมือกับภาวะเงินเฟ้อพุ่ง ซึ่งกระทบต่อปากท้องของประชาชนอันเป็นฐานเสียงสำคัญของบรรดานักการเมืองในแต่ละประเทศ

สำนักข่าว AP รายงานว่า รัฐมนตรีคลัง 19 ชาติต่างเห็นชอบที่จะต้องใช้นโยบายการเงินเพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพและแข็งแกร่งมากขึ้น โดยแต่เดิมในช่วงปีที่ผ่านมา สัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มผู้ใช้เงินสกุลยูโรหรือยูโรโซน สามารถขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งมากขึ้น

แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยตัวเลขเงินเฟ้อของยูโรโซนที่พุ่งทำสถิติสูงสุดที่ 5% บวกกับภาวะสินค้าด้านพลังงานขาดตลาด ทำให้หลายฝ่ายออกโรงท้วงติงให้ยูโรโซน ตลอดจนธนาคารกลางแห่งยุโรป (ECB) เร่งปรับเปลี่ยนทิศทางนโยบายการเงินให้รัดกุมมากขึ้นแทนการปล่อยเพื่อกระตุ้นเหมือนช่วงที่ผ่านมา

โดยขณะนี้ เริ่มมีเสียงโอดครวญจากผู้ประกอบการรายย่อยและผู้บริโภคในหลายประเทศทั่วยุโรปที่บ่นว่าสินค้าที่ต้องกินต้องใช้ในชีวิตประจำวันปรับตัวแพงขึ้นจากเดิมอย่างมาก ซึ่งในฝั่งของผู้ประกอบการรายย่อยหรือ SMEs ทั่วยุโรปส่วนหนึ่งได้ออกมาเตือนว่า หากไม่รีบจัดการ เมื่อราคาถึงจุดที่ผู้ประกอบการแบกรับไม่ไหวก็จำเป็นต้องบรรเทาภาระด้วยการขึ้นราคาสินค้าให้ผู้บริโภคปลายทางช่วยแบกรับ

ที่ผ่านมา ECB ดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจของภูมิภาคผ่าน 2 ทางหลักด้วยกัน คือรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยเป็นศูนย์ หรือต่ำกว่าศูนย์ และช่วยลดต้นทุนการกู้ยืมให้ถูกลงด้วยการทุ่มเงินเข้าซื้อสินทรัพย์มูลค่าหลายพันล้านยูโรในตลาดการเงิน

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญแนะให้ ECB พิจารณาทบทวนทิศทางการดำเนินการดังกล่าวอย่าวอย่างจริงจัง อย่างน้อยก็คือการยุติการเข้าซื้อสินทรัพย์ โดยย้ำว่าภาวะฉุกเฉินทางเศรษฐกิจที่เกิดจากไวรัสโควิดได้ยุติลงแล้ว และปัญหาทางเศรษฐกิจที่รุนแรงและน่าวิตกจนต้องเร่งลงมือจัดการในขณะนี้ก็คือภาวะเงินเฟ้อสูงมากกว่า

กระนั้น คริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางแห่งยุโรป (ECB) กลับแสดงจุดยืนชัดเจนว่า ไม่เร่งรีบขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเชื่อว่าเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในขณะนี้จะค่อยๆ ทยอยลดลงเมื่อปัญหาห่วงโซ่การผลิตคลี่คลาย

ขณะเดียวกัน เมื่อวานนี้ (17 มกราคม) ทางสหรัฐอเมริกามีพิธีเฉลิมฉลองวันมาร์ติน ลูเทอร์ คิง ซึ่งตรงกับวันจันทร์ที่สามของเดือนมกราคมของทุกปี ที่ชาวอเมริกันจะรำลึกถึง ดร.มาร์ติน ลูเทอร์ คิง จูเนียร์ นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิพลเมืองผู้เรียกร้องความเท่าเทียมของคนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันในสหรัฐฯ ผู้ล่วงลับ

ทั้งนี้ เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ได้ขึ้นกล่าวสุนทพจน์ โดยมุ่งเน้นประเด็นความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจในอเมริกาว่า เศรษฐกิจอเมริกัน ‘ไม่เคยปฏิบัติอย่างยุติธรรมเท่าเทียมกับชาวอเมริกันผิวดำหรือกับชาวอเมริกันผิวสีกลุ่มใดๆ ก็ตาม’ และรัฐบาลยังคงมีงานอีกมากที่ต้องทำในการลดช่องว่างด้านความมั่งคั่งของคนต่างเชื้อชาติสีผิวในอเมริกา

อ้างอิง:

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH