จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาการค้าชายแดนและการค้าข้ามแดนของไทยมีมูลค่ารวมมากถึง 146,094 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.68% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเมื่อพิจารณาเป็นรายประเทศ พบว่า การค้าชายแดนระหว่างไทยกับมาเลเซียมีมูลค่ารวมที่ 24,849 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.33% การค้ากับลาวมีมูลค่า 17,894 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.40% การค้ากับเมียนมามีมูลค่า 17,139 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.79% และการค้ากับกัมพูชามีมูลค่า 13,494 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.99%
ขณะที่การค้ากับจีนซึ่งถือเป็นการค้าข้ามแดนมีมูลค่า 35,740 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86.56% การค้ากับสิงคโปร์มีมูลค่า 10,158 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81.65% และการค้ากับเวียดนามมีมูลค่า 6,082 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.91%
จุรินทร์กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทั้งการค้าชายแดนและการค้าข้ามแดนของไทยขยายตัวได้ดี คือการทำงานร่วมกันกับภาคเอกชนระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับเอกชนในรูป กรอ. พาณิชย์ เมื่อมีปัญหาลงไปช่วยกันแก้ปัญหาอย่างทันท่วงที
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชนยังมีการทำเป้าหมายร่วมกันว่าจะเร่งเปิดจุดผ่านแดนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อให้การค้าชายแดนคล่องตัวขึ้น โดยระหว่างเดือนเมษายน 2563 ถึงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้มีการเปิดด่านการค้าที่ก่อนหน้านี้ต้องปิดไปจากปัญหาโควิดเพิ่มจาก 25 ด่าน เป็น 44 ด่าน ทำให้การค้าชายแดนและการค้าข้ามแดนคล่องตัวขึ้น
“ในช่วงครึ่งปีที่เหลือเรามีเป้าหมายจะเปิดด่านเพิ่มอีก 11 ด่าน หนึ่งในนั้นคือด่านบ้านปากแซง จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ได้มีการลงนาม MOU ร่วมกับแขวงสาละวันแล้ว” จุรินทร์กล่าว
ข้อมูลจากกรมการค้าต่างประเทศ ระบุว่า ภาพรวมตัวเลขการค้าชายแดนและการค้าข้ามแดนของไทยในครึ่งปีแรกมีมูลค่า 800,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเชื่อว่าจะยังมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่ภาพรวมทั้งปีจะสามารถขยายตัวได้ 3-6% ตามเป้าที่วางไว้