วันนี้ (16 กันยายน) ที่พรรคภูมิใจไทย เวลา 11.00 น. สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงกรณีนักกฎหมายไปยื่นคำร้องของพรรคเพื่อไทย เพื่อยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อที่จะเอาผิดพรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทยเรื่องบันทึกข้อตกลง (Memorandum of Agreement) ว่า ตนคิดว่าเป็นเรื่องของความคิดเห็นที่อาจจะมองแตกต่างกัน เราคิดว่าลักษณะของ MOA นั้นเป็นความเข้าใจ และข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งอาจจะไม่ได้มีผลทางกฎหมาย แต่มีผลทางความรู้สึก และมีผลต่อความรับรู้ ก็เป็นสิทธิ์ของ แต่ละคน ที่จะสามารถดำเนินการได้ และเป็นเรื่องธรรมดาที่เข้าใจว่าท่านไม่เห็นด้วยแล้ว แม้ว่าก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยยืนยันที่จะรับเงื่อนไข MOA ของพรรคประชาชนเช่นกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าคำร้องดังกล่าว สะท้อนอย่างไรบ้าง สิริพงศ์ กล่าวว่า แต่ละพรรคมีแฟนคลับของตนเอง และในสังคมก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีความคิดเห็นแตกต่างกันเป็นเรื่องปกติ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า คำร้องที่ยื่นไปนั้น ระบุว่าการเซ็น MOA ดังกล่าวนี้ เข้าข่ายล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยเพื่อเป็นสารตั้งต้นในการยุบพรรค การเซ็น MOA นั้นจะไปถึงขั้นนั้นได้หรือไม่ สิริพงศ์ กล่าวว่า ในเอกสารดังกล่าวไม่ได้มีถ้อยคำอะไรที่จะเป็นการล้มล้างการปกครองอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของสภาผู้แทนราษฎร และไม่ได้มีการระบุถึงอะไรที่ศาลรัฐธรรมนูญระบุว่า ทำไม่ได้ จึงไม่อาจเข้าข่าย และเราก็ไม่อาจก้าวล่วงองค์กรใด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามกรณีที่แก้รัฐธรรมนูญที่ สว. อาจจะไม่เอาด้วย อยากให้พรรคภูมิใจไทยกลับไปทบทวนกับพรรคประชาชนว่า สิริพงศ์กล่าวว่า ในการเสนอแก้รัฐธรรมนูญในแต่ละพรรค พรรคภูมิใจไทยเคยเสนอแก้มาตรา 256 ในสมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เราเสนอเรื่องไม่ให้อำนาจ สว. ในการโหวตนายกฯ ปรากฏว่าไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจาก สว. แสดงให้เห็นถึงการที่เราจะต้องขอเสียงไม่ว่าจะส่วนใด
ทั้งนี้ จำเป็นต้องดูเนื้อหาที่เป็นไปได้ การไปขอเสียง สว. ไม่ได้อยู่ที่ว่าพรรคไหนไปคุย แต่อยู่ที่เนื้อหาว่าฝั่ง สว. รับได้หรือไม่ วันนี้ต้องทำใจเป็นธรรมหากจะขอมือคะแนนโหวตให้ต้องมีข้อเสนอที่รับได้ เช่น การพิจารณาอะไรก็แล้วแต่ อำนาจ สว. อาจจะเป็นเหตุที่ทำให้เขาไม่ยกมือสนับสนุน จึงอยู่ที่เนื้อหามากกว่าให้ไปคุย พรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชน ต้องคุยแนวทางกันว่าจะทำแบบไหน หากเห็นตรงกันเราอาจจะยืนร่วมกัน แต่ถ้าเห็นต่างกัน พรรคภูมิใจไทยต้องรวมเสียงให้มากพอ ให้สามารถยืนได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีความชัดเจนหรือยังว่าจะมี สสร. ทางตรงหรือทางอ้อม หรือว่าไม่มีเลย สิริพงศ์ กล่าวว่า สสร. ต้องเป็นทางอ้อมแน่นอน เพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไม่สามารถเลือกทางตรงได้ แนวโน้มน่าจะเป็นทางอ้อม ส่วนทางอ้อมจะมาจากอะไร กลุ่มรายชื่อแล้วให้รัฐสภาเลือกร่วมกัน หรือเลือกตั้งตัวแทนเข้ามา แล้วมาเลือกอีกที ก็ต้องคุยกันอีกครั้ง คาดว่าจะเป็นสัปดาห์นี้ที่จะคุยกัน
สิริพงศ์ เชื่อว่า ทิศทางจะไปในทางที่ดีธงของพรรคภูมิใจไทยมองว่า วาระหนึ่งจะต้องพิจารณาในสมัยประชุมนี้ และช่วงปิดสมัยประชุมให้เป็นหน้าที่ของกรรมาธิการพิจารณา และพิจารณาในวาระสองและวาระสามในสมัยประชุมหน้า
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การที่พรรคเพื่อไทย พยายามดิสเครดิตพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย ว่าไม่มีความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น สิริพงศ์ ย้ำว่า ความจริงใจ ใครจะรู้ดีเท่าเรา พรรคภูมิใจไทยจริงใจตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ สิ่งที่เราอยากจะทำคือ นายกฯ อยากจะขับเคลื่อนแก้ปัญหาปากท้องให้กับประชาชน การเดินหน้ายุบสภาให้ตรงกับกำหนดเวลา 4 เดือน และเดินหน้าเต็มที่ในการแก้รัฐธรรมนูญ