×

โม ซาลาห์ กับบทบาทใหม่เป็น ‘Creator’ เน้นแอสซิสต์มากกว่ายิงประตู?

18.09.2023
  • LOADING...
Mo Salah

HIGHLIGHTS

7 MIN READ
  • ลิเวอร์พูลกลับมาพลิกเอาชนะวูล์ฟส์ได้ 3-1 ในช่วงครึ่งหลัง โดยคนที่มีส่วนสำคัญกับทั้ง 3 ประตูคือ ซาลาห์ ซึ่งประจำการทางปีกขวาของทีม ที่เป็นคนจ่ายทั้ง 3 ลูก
  • ระบบใหม่ที่เป็น Default ของลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ ทำให้คนที่เคยเป็นผู้รับเหมาในการสร้างโอกาสให้เพื่อนมากที่สุดอย่าง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน สองฟูลแบ็กที่เป็น Engine ของทีมตลอดหลายปีที่ผ่านมา ถูกปรับบทบาทใหม่ไปด้วย
  • ที่ผ่านมาซาลาห์ก็ถือเป็นกองหน้าที่มีผลงานในเรื่องการทำแอสซิสต์ให้เพื่อนสูงมากอยู่แล้ว โดยตามข้อมูลที่บันทึกไว้โดย Transfermarkt เขาทำแอสซิสต์ไปถึง 83 ครั้งให้กับลิเวอร์พูล ซึ่งถือว่าสูงมากสำหรับกองหน้าคนหนึ่ง

Mo Salah! Mo Salah! Mo Salah! Running Down the Wing

 

ประโยคข้างต้นมาจากเพลง ‘The Egyptian King’ ซึ่งเพลงนี้ถือเป็นหนึ่งในเพลงฮิตของหมู่แฟนฟุตบอลลิเวอร์พูลทั่วโลก ด้วยท่วงทำนองซึ่งแปลงมาจากเพลง ‘Oh Sit Down!’ ของ James ที่ติดหู ร้องง่าย ต่อให้ใครจำเนื้อร้องไม่ได้ก็สามารถตะโกนสุดเสียงว่า โม ซาลาห์! แล้วดำน้ำฮัมเพลงไปด้วยกันก็ไม่มีใครว่า

 

ในเนื้อเพลงนั้นพูดถึงสตาร์ลูกหนังชาวอียิปต์ที่คอยกระชากลากเลื้อย หรือวิ่งฉีกแนวรับฝั่งตรงข้ามไปรับบอลยาวที่เปิดข้ามมา และแน่นอนว่ามันจบด้วยการที่เขาสามารถทำประตูให้กับลิเวอร์พูลได้เสมอ

 

เพียงแต่ในฤดูกาลนี้ผลงานในพรีเมียร์ลีก 5 นัดแรกของเขา ดาวเตะวัย 31 ปีทำได้เพียงแค่ 2 ประตูเท่านั้น แต่ตัวเลขสถิติที่น่าสนใจมากกว่ากลับเป็นผลงานการทำแอสซิสต์ (Assist) ให้เพื่อนทำประตู ที่ได้ไปแล้วถึง 4 ครั้งด้วยกัน

 

นี่แปลว่าบทบาทของซาลาห์กับลิเวอร์พูลได้เปลี่ยนไปหรือไม่?

 

ย้อนกลับไปในเกมพรีเมียร์ลีกนัดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งต้องบอกว่าเป็นแมตช์ที่เดอะค็อปทั่วโลกปวดตับอย่างยิ่ง เพราะผลงานในช่วงครึ่งแรกนั้นเลวร้ายสุดๆ ชนิดที่ต้องใช้แต้มบุญมากพอสมควรที่ทำให้ยังตามหลังวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส อยู่เพียงแค่ 1-0

 

แต่สุดท้ายลิเวอร์พูลกลับมาพลิกเอาชนะได้ 3-1 ในช่วงครึ่งหลัง โดยคนที่มีส่วนสำคัญกับทั้ง 3 ประตูคือ ซาลาห์ ซึ่งประจำการทางปีกขวาของทีม

 

ประตูตีเสมอ 1-1 ในช่วงต้นครึ่งหลังนั้น เป็นจังหวะที่ลิเวอร์พูลค่อยๆ เซ็ตเกมเข้ามาถึงในกรอบเขตโทษ และเป็นซาลาห์ที่ตวัดเปิดด้วยเท้าขวาข้างไม่ถนัด วัดใจให้ผ่านหน้าปากประตู ซึ่งบอลมาเข้าเท้า โคดี กักโป กองหน้าตัวเป้าในเกมนี้ที่สอดขึ้นมาเข้าฮอสอย่างพอเหมาะ

 

ซาลาห์ ซึ่งตกเป็นข่าวการย้ายทีมอย่างหนักตั้งแต่ช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนตลาดการซื้อ-ขายผู้เล่นจะปิดตัวลงในอังกฤษ ยันตลาดนักเตะของลีกซาอุดีอาระเบียปิดตัวลงในวันที่ 7 กันยายน แสดงชั้นเชิงให้เห็นอีกครั้งด้วยการเปิดบอลน้ำหนักพอดีเป๊ะให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่วิ่งสอดขึ้นมาแปเล่นทางผ่าน โชเซ ซา เข้าประตูไปอย่างสวยงาม

 

และจากนั้นในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ สตาร์เบอร์หนึ่งของแอนฟิลด์ได้โอกาสหลุดเข้าไปในเขตโทษอีกครั้ง ซึ่งถึงจะเปิดติดในจังหวะแรก แต่เมื่อบอลกระเด้งกลับมาก็เก็บบอลดึงจังหวะรอก่อนไหลให้ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ตั้งป้อมยิง แม้บอลจะไม่เต็มเท้าแต่ก็แฉลบเข้าประตูไป

 

น่าเสียดายนิดหน่อยที่ลูกนี้พรีเมียร์ลีกให้เป็นการทำเข้าประตูตัวเองของ ฮูโก บัวโน แบ็กซ้ายตัวสำรองของวูล์ฟส์ ไม่อย่างนั้นซาลาห์จะทำ ‘แฮตทริกแอสซิสต์’ (ชาวแฟนตาซีฟุตบอลที่ใส่ไว้ในทีมก็จะได้เฮขึ้นไปอีก)

 

 

แต่แค่นี้ก็ทำให้สถิติการทำแอสซิสต์ของซาลาห์ในฤดูกาลนี้เพิ่มเป็น 4 ครั้งเข้าไปแล้ว นำคู่กับ เปโดร เนโต ปีกตัวเก่งของวูล์ฟส์ (ซึ่งเป็นผู้เปิดให้ ฮวังฮีชาน ยิงประตูขึ้นนำให้วูล์ฟส์ในช่วงครึ่งแรกเหมือนกัน)

 

ตรงนี้เองที่น่าสนใจ เพราะดูเหมือนในฤดูกาลนี้ซาลาห์จะค่อยๆ ปรับและเปลี่ยนบทบาทการเล่นของตัวเอง

 

จากเดิมที่มีหน้าที่หลักในการหาโอกาสทำประตูด้วยตัวเอง ดูเหมือนสตาร์ชาวอียิปต์จะหันมาเน้นในทางสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนร่วมทีมมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่สังเกตเห็นได้ตั้งแต่ในช่วงพรีซีซันของฤดูกาลนี้ที่จะเน้นการปั้นเพื่อน หรือพูดให้ถูกคือน้องๆ ในทีมมากกว่าในอดีต

 

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเวลานี้ทั้ง ซาดิโอ มาเน และ โรแบร์โต เฟียร์มิโน อำลาทีมไปอยู่ซาอุดีอาระเบียกันหมดแล้ว

 

แต่อีกส่วนหนึ่งที่น่าจับตามองคือ การที่ เจอร์เกน คล็อปป์ มีการปรับเปลี่ยนแท็กติกการเล่นใหม่จากระบบ 4-3-3 มาเป็นระบบการเล่นในลักษณะ Hybrid คือระบบ 4-3-3/3-Box-3 (Box = กองกลางรับ 2 และกองกลางรุก 2) ยกเว้นในสถานการณ์ฉุกเฉินเหมือนในเกมกับบอร์นมัธ, นิวคาสเซิล และล่าสุดคือวูล์ฟส์ ที่ลิเวอร์พูลเล่นในระบบ 4-4-x (แบ็กโฟร์+กองกลาง 4) ในช่วงครึ่งหลัง

 

ระบบใหม่ที่เป็น Default ของทีมในฤดูกาลนี้ ทำให้คนที่เคยเป็นผู้รับเหมาในการสร้างโอกาสให้เพื่อนมากที่สุดอย่าง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน สองฟูลแบ็กที่เป็น Engine ของทีมตลอดหลายปีที่ผ่านมา ถูกปรับบทบาทใหม่ไปด้วย 

 

เทรนต์ต้องมารับบทกองกลางตัวรับลูกผสมที่ทำหน้าที่เหมือน ‘ควอเตอร์แบ็ก’ คอยเปิดเกมจากแนวลึก ส่วนแบ็กสก็อตติชกลายไปเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟลูกผสมฝั่งซ้ายที่ไม่ได้อิสระในการเติมเกมเหมือนที่ผ่านมา

 

และนั่นหมายถึงการสร้างสรรค์เกมจากริมเส้นของลิเวอร์พูลขาดหายไป

 

ตรงนี้เองที่ดูเหมือนจะกลายเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้นมาของซาลาห์ ในการสร้างสรรค์โอกาสให้กับเพื่อนมากกว่าที่จะดื้อแพ่งทำเอง

 

ด้วยความเป็นผู้เล่นที่ถนัดเท้าซ้าย ซาลาห์ไม่สามารถครอสบอลจากริมเส้นด้วยเท้าขวาในแบบเดียวกับที่เทรนต์ทำได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสร้างโอกาสไม่ได้เลย เพราะซาลาห์มีความเป็นนักสร้างสรรค์ (Creator) อยู่ในตัวอยู่แล้ว และเขาก็แสดงให้เห็นมาโดยตลอดว่าการเปิดบอลในแบบ Killer Pass ของเขาไม่ธรรมดาเหมือนกัน

 

ยกตัวอย่างประตูแซงนำ 2-1 ในเกมกับวูล์ฟส์ ก็มาจากการจ่ายน้ำหนักพอเหมาะพอเจาะให้กับโรเบิร์ตสัน

 

หรือย้อนกลับไปอีกในเกมกับนิวคาสเซิล ประตูชัยของลิเวอร์พูลมาจากความเหนือชั้นของเขาที่เมื่อได้บอลแล้วแต่ยังไม่จ่ายแต่งบอล ดึงจังหวะไว้เล็กน้อยเพื่อรอเสี้ยววินาทีที่ ดาร์วิน นูนเญซ จะสับขาสปีดหนี แดน เบิร์น เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ จนได้หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษและยิงเสียบเสาไกล

 

สองแอสซิสต์นี้จะเป็นตัวอย่างการเล่นที่เชื่อว่าเราจะได้เห็นบ่อยมากขึ้นอีกในฤดูกาลนี้ของลิเวอร์พูล

 

 

อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาซาลาห์ก็ถือเป็นกองหน้าที่มีผลงานในเรื่องการทำแอสซิสต์ให้เพื่อนสูงมากอยู่แล้ว โดยตามข้อมูลที่บันทึกไว้โดย Transfermarkt เขาทำแอสซิสต์ไปถึง 83 ครั้งให้กับลิเวอร์พูล ซึ่งถือว่าสูงมากสำหรับกองหน้าคนหนึ่ง

 

ในพรีเมียร์ลีกซาลาห์ทำไปแล้ว 63 แอสซิสต์ อยู่ในอันดับที่ 19 ของทำเนียบตลอดกาล เท่ากับ ‘พ่อมดลูกหนัง’ แมตธิว เลอ ทิสซิเอร์ ตำนานแห่งทีมเซาแธมป์ตัน (ส่วนอันดับหนึ่งตลอดกาลคือ ไรอัน กิกส์ ที่ทำไป 162 ครั้ง)

 

ถ้าเรามองย้อนกลับไปในฤดูกาล 2022/23 ซาลาห์ทำแอสซิสต์ไป 12 ครั้งด้วยกัน และสร้างสรรค์โอกาสสำคัญ (Big Chances Created) 15 ครั้ง

 

ฤดูกาล 2021/22 ที่ลิเวอร์พูลล่า 4 แชมป์ เขาทำแอสซิสต์ไป 13 ครั้ง ซึ่งถือว่าสูงสุดในฤดูกาลเดียวกับลิเวอร์พูล และสร้างโอกาสสำคัญอีก 18 ครั้ง

 

สถิติเหล่านี้บ่งบอกว่าซาลาห์ถือเป็น Creator ที่เก่งคนหนึ่งของพรีเมียร์ลีกอยู่แล้ว เพียงแต่สิ่งที่น่าจับตามองสำหรับฤดูกาลนี้เป็นต้นไปคือ นอกจากระบบการเล่นของทีมที่เปลี่ยนแปลง ซาลาห์ก็ดูจะมีการปรับเปลี่ยนสไตล์และวิธีการเล่นของเขาเองด้วย

 

ด้วยวัย 31 ปี ซาลาห์ไม่ได้สดเหมือนช่วงที่ผ่านมาที่พร้อมจะใช้ความเร็วฉีกทุกคนเหมือนฉีกกระดาษอีกแล้ว

 

แต่สิ่งที่จะทำให้เขาเอาชนะคู่แข่งได้คือเรื่องของมันสมองและเซนส์ในการเล่นที่ยังถือว่าเหนืออยู่ และสามารถสร้างประโยชน์ให้กับทีมได้มาก โดยเฉพาะในยามที่ทีมยังอยู่ในช่วงของการปรับจูนเพื่อหาสิ่งที่ดีที่สุด

 

ตอนนี้ซาลาห์จึงเป็นเหมือนพี่เลี้ยงให้ทุกคนไม่ว่าจะเป็น กักโป, นูนเญซ, หลุยส์ ดิอาซ, ดีโอโก โชตา ไปจนถึง เบน โด๊ก ไอ้หนูดาวรุ่งของทีม ที่พร้อมจะใส่พานหรือชงให้เอาไปกินเอง

 

ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ถึงกับบอกว่า “โคตรดีที่เขาไม่ได้ไปไหน เพราะผมพยายามจะเรียนรู้จากเขาและปรับให้เข้ากับสไตล์การเล่นของผมเอง หวังว่าเขาจะไม่ไปไหนและอยู่ที่นี่ต่อไปตลอดชีวิตการเล่นที่เหลือ การได้เรียนรู้จากเขาเป็นเหมือนฝันที่เป็นจริง”

 

ส่วนตัวเขาอาจจะหาโอกาสเข้าไปลุ้นทำประตูได้น้อยลงในช่วงเปิดฤดูกาล เพราะมีงานที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น แต่เชื่อได้ว่าซาลาห์จะยังคงเป็นตัวจบสกอร์ที่ฝากความหวังได้เสมอสำหรับลิเวอร์พูลเหมือนเดิม

 

เพิ่มเติมคือจำนวนแอสซิสต์ที่มีแนวโน้มว่าอาจจะทำลายสถิติที่เคยทำมาก็เป็นไปได้

 

แต่ที่เหมือนเดิมแน่นอนไม่เคยเปลี่ยนคือ ความมุ่งมั่นและทุ่มเทเสมอยามได้โอกาสลงสนาม ที่ซาลาห์ใช้ตอบแทนคำพูดว่าเขารู้สึกเช่นไรกับการเล่นให้ลิเวอร์พูล

 

Mo Salah! Mo Salah! Mo Salah! Running Down the Wing

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising