×

MK VS ตี๋น้อย เทียบยกต่อยก ใครจะชนะใจมหาชนในสงครามสุกี้หมื่นล้าน

21.11.2025
  • LOADING...
mk-teenoi-suki-war-profit-25billion

ในประเทศที่ผู้คนหลงรักการกินข้าวนอกบ้าน โดยเฉพาะ ‘บุฟเฟต์’ ที่ให้ทั้งอิ่ม คุ้ม และสนุก ตลาดนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องอาหาร แต่คือพื้นที่แย่งชิงหัวใจมหาชนมูลค่ากว่า 25,000 ล้านบาท

 

ศึกที่ดุเดือดที่สุดในสนามนี้คือการปะทะกันระหว่าง ‘แชมป์เก่า’ อย่าง MK Restaurant กับ ‘ผู้ท้าชิง’ ที่เติบโตพุ่งแรงอย่าง สุกี้ตี๋น้อย นี่ไม่ใช่แค่สงครามเรื่องราคา แต่คือเกมกลยุทธ์ที่งัดทุกไม้เด็ดมาแลกหมัดกันแบบไม่มีใครยอมใคร

 

 

 

🍲สงครามสุกี้หม้อเดือด เทียบฟอร์มผู้แข่งขัน

 

หากเปรียบเทียบฟอร์มก่อนชก (ข้อมูล ณ 9 เดือนแรก ปี 2568) MK ยังคงมีความได้เปรียบเรื่องขนาดสินทรัพย์รวมกว่า 19,000 ล้านบาท และสาขากว่า 400 แห่ง 

ขณะที่สุกี้ตี๋น้อยมีสินทรัพย์ราว 3,500 ล้านบาท และมี 86 สาขา แต่จุดที่น่าจับตามองคือ ในแง่ของกำไรสุทธิ ตี๋น้อยสามารถทำตัวเลขแซงหน้า MK ไปได้เล็กน้อย 803 ล้านบาท ต่อ 735 ล้านบาท ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนภัยที่ทำให้ยักษ์ใหญ่ต้องปรับกระบวนท่าครั้งสำคัญ

 

เพื่อให้เห็นภาพเกมการต่อสู้นี้ชัดเจนขึ้น เรามาไล่เรียงเหตุการณ์กันไปทีละยก

 

🔔 ยกที่ 1: หมัดแจ้งเกิดของผู้ท้าชิง

 

สุกี้ตี๋น้อยก้าวเข้าสู่สังเวียนเมื่อประมาณ 4-8 ปีก่อน ด้วยกลยุทธ์ที่ฉีกกฎตลาดเดิม 3 ข้อหลัก คือ

 

🔸ทำเล Stand Alone: เลือกไม่อยู่ในห้างฯ เพื่อลดต้นทุนค่าเช่าและไม่ต้องแบ่งกำไร (GP) ให้ห้างฯ

🔸ราคาที่คุ้มค่า (Value for Money): เปิดตัวด้วยราคา 199 บาท แต่ให้วัตถุดิบที่ในขณะนั้นหาไม่ได้ในราคานี้ เช่น เนื้อวัว อาหารทะเล และชีส ซึ่งเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการบุฟเฟต์สุกี้

🔸เวลาทำการ: เปิดให้บริการถึงตี 5 เพื่อรองรับกลุ่มคนทำงานกลางคืนและนักศึกษา

 

กลยุทธ์นี้ทำให้ตี๋น้อยยึดครองใจผู้บริโภคระดับ Mass ได้อย่างรวดเร็ว และกลายเป็นแบรนด์ Top of Mind ในฝั่งบุฟเฟต์

 

🔔 ยกที่ 2: ยักษ์ใหญ่เริ่มหยั่งเชิงบุฟเฟต์

 

เมื่อส่วนแบ่งการตลาดเริ่มสั่นคลอน MK ไม่ได้กระโดดลงมาเล่นสงครามราคาทันที แต่เริ่มจากการทดลองเพื่อเก็บข้อมูล 

 

MK ปล่อยโปรเจกต์ ‘หมูมาราธอน’ บุฟเฟต์หมู 159 บาท ออกมาเพื่อทดสอบระบบ การเดินหมากนี้มีนัยสำคัญ คือการเก็บ Data หลังบ้าน เพื่อดูปริมาณการกินสูงสุดของลูกค้า ต้นทุนต่อหัว และความสามารถในการรองรับของครัว เพื่อนำมาคำนวณความคุ้มค่าก่อนที่จะตัดสินใจทำบุฟเฟต์เต็มรูปแบบ ทว่าช่วงแรกกลับเจอกระแสตีกลับในเรื่องของ Operation การจัดจำนวนสินค้าให้พอดีกับความต้องการ แล้วค่อยๆ ปรับแก้ตามฟี้ดแบ็ค

 

🔔 ยกที่ 3: เปิดหน้าแลกหมัด (Buffet Wars)

 

เมื่อมั่นใจในข้อมูล MK ตัดสินใจเปิดตัวบุฟเฟต์ 299 บาท เป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปี การขยับตัวครั้งนี้ MK ใช้ความได้เปรียบเรื่องระบบ Supply Chain ที่แข็งแกร่ง และระบบการจัดการหน้าร้านด้วย QR Code ทำให้บริหารจัดการต้นทุนได้ดี ผลลัพธ์คือยอดขายสาขาที่ร่วมรายการโตขึ้น 33% และดึงลูกค้าที่หายไปนานกลับมาได้ถึง 370%

 

ทางฝั่งสุกี้ตี๋น้อย แม้จะเจอแรงกระแทกและปัญหาเรื่องการบริการบ้าง แต่ก็แก้เกมด้วยหมัดสวนที่ชาญฉลาด คือแคมเปญที่อนุญาตให้ลูกค้านำน้ำจิ้มยี่ห้ออื่น เข้ามาทานในร้านได้ พร้อมออกโปรโมชัน ตรึงราคาเน็ตที่ 219 บาท ซึ่งยังคงความได้เปรียบเรื่องราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า

 

🔔 ยกที่ 4: ข้ามรุ่นชิงชัย (Fighting Across Tiers)

 

การต่อสู้ไม่ได้หยุดอยู่แค่สนามเดิม แต่ทั้งคู่ต่างขยายอาณาเขตเข้าไปในพื้นที่ของอีกฝ่าย:

🔸MK ส่ง Bonus Suki สร้างแบรนด์ลูกในราคาประหยัด (~276 บาท) เพื่อลงมาชนกับตี๋น้อยโดยตรง แยกกลุ่มลูกค้าชัดเจน เพื่อไม่ให้กระทบภาพลักษณ์แบรนด์แม่

🔸ตี๋น้อย ส่ง Teenoi Gold ขยับขึ้นไปเล่นตลาดพรีเมียมแมส (499 บาท) ชูจุดขายเรื่องเนื้อวากิวและติ่มซำปั้นสดโดยเชฟฮ่องกง เพื่อรองรับฐานลูกค้าเดิมที่เติบโตขึ้นและมีกำลังซื้อมากขึ้น

 

นอกจากนี้ MK ยังนำเป็ดย่างซึ่งเป็น Signature หลัก ลงมาเป็นแม่เหล็กในโปรโมชั่นบุฟเฟต์ เพื่อสร้างความแตกต่างที่คู่แข่งเลียนแบบได้ยาก

 

🍲 ชัยชนะของผู้บริโภค บนรอยแผลของกำไร

 

แม้ภาพรวมการต่อสู้จะดูคึกคักและยอดขายของทั้งสองแบรนด์เติบโตขึ้น แต่ล่าสุด ตัวเลขผลประกอบการไตรมาส 3 ของปี 2568 สะท้อนความจริงคือ ‘กำไรลดลงทั้งคู่’

🔸MK: กำไรลดลงประมาณ 34% เมื่อเทียบกับปีก่อน

🔸สุกี้ตี๋น้อย: กำไรลดลงประมาณ 21%

 

สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่า ‘สงครามราคา’ มีราคาที่ต้องจ่าย สุกี้ตี๋น้อยอาจได้เปรียบในฐานะมวยที่โครงสร้างเกิดมาเพื่อเป็นบุฟเฟต์ ส่วน MK ก็พิสูจน์แล้วว่าสามารถปรับตัวลงมาสู้ในสนามนี้ได้อย่างสมศักดิ์ศรีด้วยระบบจัดการหลังบ้านที่แม่นยำ

ท้ายที่สุด ผู้ชนะที่แท้จริงในศึกครั้งนี้คือผู้บริโภค ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากตัวเลือกที่หลากหลาย คุณภาพที่ดีขึ้น และราคาที่คุ้มค่า ส่วนในมุมธุรกิจ สงครามนี้ยังไม่จบ และวัดกันที่ว่าใครจะบริหารจัดการต้นทุนและคุณภาพ ได้ดีกว่ากันในระยะยาว

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising