ตั้งแต่ปี 2021 ที่มิสทิน (MISTINE) แบรนด์เครื่องสำอางอันดับหนึ่งของไทย ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ด้วยการเปลี่ยนโลโก้ MISTINE ทั้งหมด เลือกใช้ฟอนต์ให้มีความมินิมัลมากขึ้น ดูเหมือนเราจะได้เห็นมิสทินสนุกกับการลุกขึ้นมาปรับโฉมตัวเองใหม่ในทุกๆ ด้าน ถ้าไม่นับเรื่องคุณภาพสินค้าที่ยังคงรักษามาตรฐานไม่เคยเปลี่ยน มิสทินแทบจะสลัดภาพจำแบบเดิมๆ ไปเลย
หนึ่งในแผนการรีแบรนดิ้งของมิสทินคือการ ‘รีโนเวตออฟฟิศ’ ของอาคารสำนักงานใหญ่ บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ที่ตั้งอยู่บนถนนรามคำแหง เพื่อตอกย้ำให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาขององค์กรที่ไม่หยุดยั้ง
คอนเซปต์หลักของการรีโนเวตออฟฟิศ เพื่อลดทอนรายละเอียดที่ไม่จำเป็น เช่นเดียวกับการเปลี่ยนโลโก้ แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้าไปคือ ภายในอาคารสำนักงานและโซนจัดแสดงสินค้าจะขับเน้นความเป็น Feminine ให้เด่นชัดขึ้น โดยมี ‘ความงามของผู้หญิงยุคใหม่’ เป็นต้นแบบ
โซนที่น่าจะสะท้อนแรงบันดาลใจจากความงามของผู้หญิงยุคใหม่ได้ชัดเจนที่สุดคือ ‘บริเวณชั้น 2 ของอาคารและโถงทางเดิน’ ซึ่งได้สตูดิโอออกแบบนามว่า space+craft ถ่ายทอดความเป็นผู้หญิงยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความงามแบบธรรมชาติ ‘Natural Beauty’ และความสวยที่มาจากภายใน พร้อมขับเน้นความเป็น Feminine ผ่านความโค้งมนของขอบผนัง กรอบประตู เฟอร์นิเจอร์ และเส้นสายแพตเทิร์นบนพื้น บ่งบอกถึงความอ่อนโยนทว่าแข็งแกร่งนั้นได้ถูกซุกซ่อนอยู่ทุกที่
การเลือกใช้สีเอิร์ธโทนอย่าง สีครีม เบจ ล้อไปกับเฟอร์นิเจอร์ไม้สีโอ๊ก ตัดกับสีเขียวโอลีฟของเฟอร์นิเจอร์บางมุม สอดคล้องไปกับการออกแบบ Lighting บริเวณทางเดินด้วยสี Warm White ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้พื้นที่อย่างบริเวณโถงบันได โถงรับแขก และ Hallway น่าสนใจและสร้างบรรยากาศโดยรอบให้อบอุ่นและดูเป็นมิตรมากยิ่งขึ้น
ในขณะที่ ‘Plumeria House’ ภายในอาคารรูปทรงดอกลีลาวดี ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเอกลักษณ์และเสน่ห์ของแบรนด์ เป็นแลนด์มาร์กสุดชิคบนถนนรามคำแหงมาสักระยะแล้ว
นอกจากจะสร้างอาคารนี้ขึ้นมาเพื่อเป็น Beauty Shop ของแบรนด์ในเครือมิสทินทั้งหมดให้ลูกค้าสามารถมาและช้อปสินค้าแล้ว ยังจับมือกับคาเฟ่ชื่อดัง ‘บด กด ชง’ คัดสรรกาแฟคุณภาพดี เครื่องดื่มหลากหลาย และเบเกอรีอบสดใหม่พร้อมเสิร์ฟทุกวัน
ชอบความดีเทลของอินทีเรียร์ที่ผสมผสานระหว่างความทันสมัยและธรรมชาติไว้ได้อย่างกลมกลืน เสากลางมีเรื่องราวของผลิตภัณฑ์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รวมไปถึงการนำเอกลักษณ์ของดอกลีลาวดีนำเสนอผ่านการออกแบบ อาทิ โคมไฟที่ดูคล้ายกับกลีบดอกไม้สองดอกบริเวณกลางร้าน
และโซนสุดท้ายที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ ‘Garden Room and Canteen’ ถ้าถามคนมิสทินว่าความพิเศษของโซนนี้อยู่ตรงไหน เกินครึ่งน่าจะตอบตรงกันก็คือ ประติมากรรม ดร.อมรเทพ ดีโรจนวงศ์ อดีตประธานกรรมการ ผู้ก่อตั้งบริษัทฯ ที่อยู่ใจกลางสวน ซึ่งถือเป็นประติมากรรมแห่งความศรัทธาของคนในองค์กร
แต่ความพิเศษยิ่งไปกว่านั้นคือ สวนแห่งนี้ถูกออกแบบให้เป็นสวนแนวตั้ง (Vertical Garden) ที่จัดในรูปแบบการจัดสวนแห่งอนาคต โดย แพทริก บลังค์ (Patrick Blanc) นักพฤกษศาสตร์และนักออกแบบสวนชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงโด่งดังก้องโลก ทำให้พื้นที่เดิมๆ กลายเป็นสวนป่าที่สวยสมบูรณ์แบบ ช่วยเติมเต็มพื้นที่ของผนังอาคารให้ดูสบายตา โดยที่สามารถมองเห็นได้จากทุกมุม
และด้วยความตั้งใจที่จะสร้างพื้นที่ที่เชื่อมต่อระหว่างห้องอาหารและสวนเพื่อรองรับ Co-Working Space ที่เอื้อต่อการทำงาน พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิด รวมถึงทำกิจกรรมผ่อนคลายระหว่างวันให้กับพนักงาน จึงออกแบบบริเวณนี้ให้เป็นพื้นที่เปิดโล่งไม่มีกระจกกั้นนั้นเอง
มากไปกว่าการรีโนเวตออฟฟิศใหม่ ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แบรนด์ถือโอกาสทรานส์ฟอร์มคนและปรับโฉมแพ็กเกจจิ้ง ปรับปรุงคุณภาพและพัฒนาส่วนผสมต่างๆ ให้เป็นไปตามความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละประเทศไปพร้อมกัน
ดนัย ดีโรจนวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด
ผู้แทนจำหน่ายเครื่องสำอางมิสทิน MISTINE
ที่ผ่านมาแบรนด์ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะของคนในองค์กรเพื่อต่อยอด Career Path ที่พวกเขาสนใจและอยากเติบโตในอนาคต ไม่เพียงเพิ่มทักษะแต่ยังนำนวัตกรรมและแนวคิดการทำงานรูปแบบใหม่มาใช้ ให้สอดคล้องไปกับความต้องการและความท้าทายของคนเจนใหม่ที่เข้ามาทำงานในองค์กรมากขึ้น ตั้งแต่การเปิดโอกาสให้พนักงานแสดงศักยภาพ ให้อิสระในการทำงาน ยังมุ่งสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ช่วยให้คนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่าในองค์กรทำงานร่วมกันได้อย่างมีความสุข
และสุดท้ายการทรานส์ฟอร์มผลิตภัณฑ์ ทั้งในแง่ของการเปลี่ยนแพ็กเกจจิ้งให้ทันสมัยยิ่งขึ้น และการคิดค้นสูตรและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าทุกเซกเมนต์ อาทิ คิดค้นครีมกันแดดที่ไม่มีส่วนประกอบของสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อปะการัง หรือในด้านบรรจุภัณฑ์ผนึกกำลังกับบริษัทในเครือสหพัฒน์ นำนวัตกรรมเม็ดพลาสติกรีไซเคิล PCR มาเป็นส่วนประกอบ โดยใช้เทคโนโลยีพิเศษ 3-Layered Plastic Recycle กับบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายและการปนเปื้อนต่อผู้บริโภคครั้งแรกในภูมิภาคเอเชีย
สิ่งสำคัญคือ ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์จะต้องพัฒนาและคิดค้นสูตรที่ปลอดภัยต่อทุกสภาพผิว ทุกเฉดสี ทุกเพศ ทุกวัย สมกับที่ใครๆ ก็บอกว่า มิสทิน คุณภาพเกินราคา แถมยังหาซื้อได้ง่ายขึ้น เพราะเจาะครบทุกช่องทางการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการสั่งซื้อผ่านช่องทางของ MISTINE Official Store รวมถึง EVEANDBOY, Watsons, BEAUTRIUM, King Power, เซ็นทรัลทุกสาขา ร้านเครื่องสำอางชั้นนำและร้านค้าใกล้บ้านทั่วประเทศ
จับตาดูให้ดี ไม่แน่ปีนี้ มิสทีนอาจสร้างเซอร์ไพรส์ใหม่ๆ ให้เราได้ติดตามภายใต้การรีแบรนดิ้งอีกก็เป็นได้