กลายเป็นหนึ่งในหุ้นที่ถูกจับตามองในวันนี้ สำหรับ บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) ที่ลดลงไปต่ำสุดที่ 27.25 บาท ถือเป็นการทำจุดต่ำสุดในรอบประมาณ 6 เดือน อันมีปัจจัยกดดันจาก Credit Suisse ที่ได้ปรับลดประมาณการราคาเป้าหมายใหม่
ชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินของ MINT กล่าวกับ THE STANDARD WEALTH ว่า โรงแรมต่างๆ ของบริษัทยังคงมียอดจองห้องพักล่วงหน้าที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงแรมในทวีปยุโรป ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการดำเนินงานเชิงบวก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘MINT-SHR’ กอดคอดิ่งกว่า 8% กังวลต้นทุนค่าไฟฟ้าพุ่งกดดันธุรกิจโรงแรมในยุโรปช่วงปีหน้า
- หุ้น ‘ท่องเที่ยว-โรงแรม’ คึกสวนตลาด รับกระแสรัฐผ่อนคลายมาตรการด้านท่องเที่ยว เตรียมหนุนธุรกิจ MICE
- ยังไม่จบ! เจ้าของใหม่ ‘โรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่’ ประกาศขายอีกครั้ง คาดมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2.5 พันล้าน
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าอาจจะยังคงมีความกังวลในเรื่องของราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นในทวีปยุโรป แต่บริษัทได้มีการดำเนินการเพื่อบรรเทาความเสี่ยงด้วยมาตรการต่างๆ เช่น การเจรจาเชิงรุกกับคู่ค้าด้านพลังงานตั้งแต่ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทสามารถบริหารจัดการและควบคุมค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้
“เอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ MINT ได้ดำเนินการเพื่อตรึงราคาพลังงานตามสัญญาบางส่วนสำหรับปี 2565 และ 2566 กับคู่ค้าด้านพลังงานในทวีปประเทศยุโรป เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจากราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินของ MINT กล่าวต่อว่า ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานคิดเป็นสัดส่วนเพียง 3-4% ของรายได้ทั้งหมด นอกจากนี้ MINT มั่นใจว่ากลยุทธ์การขึ้นราคาค่าห้องพัก ควบคู่ไปกับยอดจองห้องพักล่วงหน้าที่แข็งแกร่งจากการเดินทางเพื่อธุรกิจ และกลุ่มการจัดประชุมองค์กร การจัดประชุม และการจัดแสดงสินค้าที่สูงขึ้น นอกเหนือจากความต้องการในการเดินทางเพื่อการพักผ่อนที่มีอยู่เดิมจะช่วยผลักดันรายได้
อีกทั้งการกลับมาเดินทางของนักท่องเที่ยวจากประเทศที่อยู่ห่างไกลและการปรับปรุงโรงแรมใหม่จะช่วยเพิ่มราคาค่าห้องพักให้สูงขึ้น ซึ่งจะช่วยบรรเทาแรงกดดันต่อความสามารถในการทำกำไร MINT
“ราคาค่าห้องพักและรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPAR) ของเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป อยู่ในระดับที่สูงกว่าระดับก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิดตั้งแต่ในไตรมาสที่ 2 ปี 2565 ในขณะที่อัตราการเข้าพักยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป มีผลการดำเนินงานที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์”
นอกจากนี้ แนวโน้มการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งยังคงดำเนินต่อไปในไตรมาสที่ 3 ซึ่งเป็นหนึ่งในฤดูการท่องเที่ยวในทวีปยุโรป โดยโรงแรมในเครือเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป มีอัตราการเข้าปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 70% และราคาค่าห้องพักปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 140 ยูโรต่อห้องต่อคืนในเดือนกรกฎาคม
ทั้งนี้ ยอดจองห้องพักล่วงหน้าในเดือนกันยายนและตุลาคมยังคงแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก โดยคาดว่ารายได้ในเดือนกันยายนจะสูงเทียบเท่ากับรายได้ในเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นเดือนที่มีรายได้สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป
สำหรับช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 MINT มีรายได้จากการดำเนินงานเติบโตเกือบ 2 เท่าจากช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 52,882 ล้านบาท จากการผ่อนคลายข้อจำกัดโควิดในทุกตลาดหลัก ทำให้รายได้ฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยมี EBITDA จากการดำเนินการโต 3 เท่าอยู่ที่ 11,796 ล้านบาท
ส่งผลให้การขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงานลดลงมาอยู่ที่ 2,371 ล้านบาท ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 เมื่อเทียบกับผลขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงานจำนวน 8,606 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP