วันนี้ (27 มกราคม) นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 8 ราย เป็นคนจีน 7 ราย คนไทย 1 ราย ติดเชื้อจากการไปเมืองอู่ฮั่น โดยรักษาอาการหายแล้ว 5 ราย ส่วนอีก 3 รายยังอยู่ระหว่างการรักษา สำหรับผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 102 คน คัดกรองได้จากสนามบิน 24 คน เดินทางมารักษาตัวที่โรงพยาบาล 78 คน และบางส่วนยังคงอยู่ในห้องแยกโรค 48 คน ขณะนี้แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ 54 คน ส่วนใหญ่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล
นพ.สุขุม กล่าวว่า สำหรับการรักษาผู้ติดเชื้อ ขณะนี้ยังไม่มียารักษาโดยตรง แต่จากการศึกษาจากประเทศจีนพบว่า ตอนนี้จีนใช้ยาต้านไวรัส HIV ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขได้จัดเตรียมไว้ แต่ยอมรับว่ายังไม่มีผลวิจัยที่แน่ชัด ส่วนผู้ติดเชื้อ 8 คนที่ผ่านมา ไม่ได้ใช้ตัวยาใด เพียงรักษาตามอาการเท่านั้น
โดยก่อนหน้านี้มีรายงานของสำนักข่าวซิงต่าว (Singtao) ของฮ่องกงรายงานว่า ก่อนหน้านี้ หวางกว่างฟา ผู้อำนวยการแผนกโรคทางเดินหายใจ และแผนกผู้ป่วยหนักแห่งโรงพยาบาลปักกิ่งที่ 1 ซึ่งติดเชื้อไวรัสโคโรนา เผยว่า เขาใช้ยาต่อต้าน HIV ในการควบคุมการติดเชื้อและมีอาการดีขึ้น
นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์ South China Morning Post รายงานว่า รัฐบาลจีนออกมาประกาศการใช้ยาต้านเชื้อไวรัส HIV กับผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาแล้วในบางโรงพยาบาล เพื่อหยุดยั้งการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส
ตามคำแถลงของคณะกรรมาธิการสาธารณสุขของเทศบาลกรุงปักกิ่ง ชี้ว่าจาก “ข่าวลือบนโลกออนไลน์ว่ายาต้านโรคเอดส์ถูกนำมาใช้ และได้รับการพิสูจน์ว่าสามารถรักษาโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนาได้” เป็นความจริง และปัจจุบันกรุงปักกิ่งมียาโลปินาเวียร์และริโทนาเวียร์ อยู่ในคลังเรียบร้อยแล้ว
สำหรับโรงพยาบาลในปักกิ่งทั้ง 3 แห่ง ที่ได้รับมอบหมายให้ใช้ยาดังกล่าวรักษาผู้ป่วยไวรัสโคโรนา ได้แก่ โรงพยาบาลปักกิ่งตี้ถาน, โรงพยาบาลปักกิ่งโย่วอัน และศูนย์การแพทย์ที่ 5 ของโรงพยาบาลกองทัพปลดปล่อยประชาชน
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์