×
SCB Omnibus Fund 2024

‘คลัง’ จี้ผู้ใช้สิทธิ์ ‘คนละครึ่ง’ เฟส 2 รีบยืนยันตัวตนบนแอปฯ ‘เป๋าตัง’

โดย THE STANDARD TEAM
28.12.2020
  • LOADING...
‘คลัง’ จี้ผู้ใช้สิทธิ์ ‘คนละครึ่ง’ เฟส 2 รีบยืนยันตัวตนบนแอปฯ ‘เป๋าตัง’

กุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตามที่ได้เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 จำนวน 5 ล้านสิทธิ์ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2563 นั้น กระทรวงการคลังได้ส่ง SMS แจ้งยืนยันสิทธิ์ให้แก่ผู้ได้รับสิทธิ์แล้วทุกราย ซึ่งหากติดตั้งแอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’ และยืนยันตัวตนครบถ้วนตามขั้นตอนแล้วจึงจะสามารถใช้จ่ายในโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 ได้ระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 31 มีนาคม 2564 

 

โดยได้รับสิทธิ์ในวงเงินร่วมจ่ายจากรัฐวันละไม่เกิน 150 บาท รวมไม่เกิน 3,500 บาทตลอดระยะเวลาโครงการ ทั้งนี้ ปัจจุบันพบว่ามีผู้เข้ามายืนยันตัวตนสำเร็จแล้วประมาณ 75% จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้ได้รับสิทธิ์จำนวนที่เหลือรีบยืนยันตัวตนโดยเร็ว

 

โฆษกกระทรวงการคลังกล่าวว่าผู้ได้รับสิทธิ์โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 สามารถเลือกยืนยันตัวตนได้หลายช่องทางตามความสะดวก ได้แก่
1. ยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง
2. ยืนยันตัวตน ณ สาขาธนาคารกรุงไทย
3. ยืนยันตัวตนโดยใช้บัตรประชาชน ณ ตู้เอทีเอ็มสีเทาของธนาคารกรุงไทย (สามารถค้นหาตำแหน่งของตู้เอทีเอ็มสีเทาโดยพิมพ์คำว่า ‘ATM กรุงไทย ยืนยันตัวตน’ ใน Google Maps) 

 

อย่างไรก็ดี ภายหลังจากยืนยันตัวตนเรียบร้อยแล้วจะต้องมีการใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการภายใน 14 วัน คือภายในวันที่ 14 มกราคม 2564 มิฉะนั้นจะถูกตัดสิทธิ์การเข้าร่วมโครงการโดยอัตโนมัติ

 

สำหรับผู้ได้รับสิทธิ์โครงการคนละครึ่งกลุ่มเดิมทุกคนสามารถใช้สิทธิ์ในวงเงินร่วมจ่ายจากรัฐตามจำนวนสิทธิ์คงเหลือของตนได้ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2564 แต่หากประสงค์จะได้รับวงเงินเพิ่มอีก 500 บาทตามโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 ขอให้เข้าใช้งานแอปพลิเคชันเป๋าตัง โดยจะพบข้อความเตือน “ท่านได้รับสิทธิ์คนละครึ่ง ระยะที่ 2 มูลค่า 500 บาท และสามารถใช้สิทธิ์ได้ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2564” ซึ่งจะต้องกดปุ่ม ‘ยอมรับเงื่อนไขและรับสิทธิ์’ ก่อนจึงจะได้รับสิทธิ์ในวงเงินส่วนเพิ่มจำนวน 500 บาท

 

ทั้งนี้ ด้านความคืบหน้าล่าสุดของโครงการคนละครึ่ง ณ วันที่ 27 ธันวาคม 2563 เวลา 21.00 น. มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 1.1 ล้านร้านค้า และมีผู้ใช้สิทธิ์แล้วจำนวน 9,565,644 คน โดยมียอดการใช้จ่ายสะสม 49,049.8 ล้านบาท 

 

แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 25,100.5 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 23,949.2 ล้านบาท โดยจังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สงขลา ชลบุรี เชียงใหม่ และสุราษฎร์ธานี ตามลำดับ สำหรับผู้ประกอบการร้านค้ายังคงสมัครเข้าร่วมโครงการได้อย่างต่อเนื่อง

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising