วานนี้ (18 เมษายน) เมื่อเวลา 03.30 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.จร. ตั้งด่านตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์บริเวณที่เกิดเหตุ ได้มีรถ BMW ขับชะลอเข้าจุดตรวจ ท่าทีมีพิรุธต้องสงสัย เมื่อถึงจุดตรวจเจ้าหน้าที่เรียกให้หยุด แต่ผู้ขับไม่ยอมหยุดรถ และขับรถฝ่าจุดตรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงใช้แผงเหล็กเลื่อนมากันเพื่อหยุดรถ แต่ผู้ขับไม่ยินยอมหยุด และขับชนแผงเหล็ก
ต่อมาเมื่อรถเคลื่อนที่ไม่ได้ เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันจับกุมผู้ขับลงมาจากรถเพื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ซึ่งผู้ขับไม่ยินยอมให้ตรวจวัด ด.ต. พัชรพล จึงใช้เครื่องตรวจวัดเบื้องต้นแบบไม่สัมผัสจ่อใกล้ปากและจมูกของผู้ขับ วัดปริมาณแอลกอฮอล์ได้ 183 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่าขับรถในขณะเมาสุรา หรือของเมาอย่างอื่น และฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานจราจรที่สั่งให้มีการทดสอบว่าผู้ขับขี่ขับรถในขณะเมาสุรา หรือของเมาอย่างอื่น
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ดำเนินคดี รับไว้เป็นคดีอาญาที่ 522/2567 ในชั้นสอบสวน เบื้องต้นให้การปฏิเสธ และมีอาการเมาโวยวาย ไม่รับทราบข้อกล่าวหา และกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีอำนาจในการจับกุม รวมถึงแจ้งว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจลักเอาทรัพย์สินของตนไป เจ้าหน้าที่จึงใช้กำลังบังคับควบคุมตัวเข้าห้องควบคุมของ สน.ประชาชื่น เพื่อดำเนินการสอบสวนต่อไป โดยล่าสุดผู้ต้องหาได้วางหลักทรัพย์ 20,000 บาท ยื่นประกันตัวออกไป
ทั้งนี้ มีรายงานว่าผู้ต้องหาคนดังกล่าวเป็นลูกชายของ สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งภายหลังได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า เพิ่งทราบเรื่องดังกล่าวของลูกชาย พร้อมระบุว่า หากเป็นเรื่องเมาแล้วขับ เราต้องเคารพกฎหมาย
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด พ.ต.อ. สัญญา อุบลวิรัตนา ผู้กำกับการ สน.ประชาชื่น เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุกองบังคับการตำรวจจราจรที่ตั้งด่านได้คุมผู้ต้องหามาถึง สน.ประชาชื่น ซึ่งผู้ต้องหาอยู่ในอาการมึนเมาสุรา พูดจาวกวนไปมา ต้องให้นั่งสงบสติอารมณ์จนหายมึนเมาสุราถึงจะพูดคุยได้ โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ก่อนจะปรับเป็นพินัยในข้อหา ‘ฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานจราจรที่สั่งให้มีการทดสอบว่าผู้ขับขี่ขับรถในขณะเมาสุรา หรือของเมาอย่างอื่น’ เป็นจำนวนเงิน 1,000 บาท พร้อมกับควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งฟ้องต่อศาลแขวงพระนครเหนือในข้อหา ‘ขับรถในขณะเมาสุรา หรือของเมาอย่างอื่น’
โดยศาลมีคำพิพากษาจำคุก 2 เดือน ปรับ 4,000 บาท รอลงอาญา 2 ปี พักใบอนุญาตขับขี่ 6 เดือน พร้อมกับให้บำเพ็ญสาธารณประโยชน์เป็นเวลา 12 ชั่วโมง
