หนังสือพิมพ์ Japan Today ของญี่ปุ่น รายงานเมื่อวานนี้ (28 ตุลาคม) ว่า หน้ากากอนามัยแบบผ้าที่เรียกว่า ‘หน้ากากอาเบะ’ หรือ ‘Abenomask’ ซึ่งผลิตขึ้นเพื่อแจกประชาชนภายใต้มาตรการป้องกันโควิดของอดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ยังคงมีหลงเหลือและไม่ถูกใช้งานอีกกว่า 83 ล้านชิ้น โดยทั้งหมดถูกเก็บอยู่ในคลังเก็บสินค้าเอกชน และมีมูลค่ารวมกว่า 11.5 พันล้านเยน หรือคิดเป็นเงินไทยกว่า 3.3 พันล้านบาท
โยชิฮิโกะ อิโซซากิ รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ออกมายอมรับเรื่องนี้ ในระหว่างการแถลงข่าวตามปกติ เมื่อวันพุธ (27 ตุลาคม) ที่ผ่านมา ซึ่งหน้ากากผ้าที่เหลืออยู่ 83 ล้านชิ้นนั้นคิดเป็นประมาณเกือบ 1 ใน 3 ของหน้ากากผ้าทั้งหมดกว่า 280 ล้านชิ้นที่รัฐบาลของอาเบะสั่งผลิตเมื่อปีที่แล้วในช่วงที่เกิดภาวะขาดแคลนหน้ากากอนามัยท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิดที่รุนแรง
โดยอดีตผู้นำญี่ปุ่นตั้งใจที่จะแจกจ่าย ‘หน้ากากอาเบะ’ ให้แก่ประชาชนครัวเรือนละ 2 ชิ้น แต่ปรากฏว่าหน้ากากผ้าชุดแรกที่ผลิตออกมาและเริ่มทำการแจกจ่ายให้ประชาชนได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องคุณภาพในแง่ลบอย่างมาก ทั้งมีขนาดที่เล็กเกินไปจนแทบจะปิดจมูกหรือปากไม่ได้ อีกทั้งบางส่วนยังมีคราบเปื้อนหรือมีแมลงเล็กๆ ติดมาในห่อบรรจุหน้ากาก
ขณะที่ตัวโครงการยังถูกวิจารณ์ว่ามีการจัดส่งล่าช้าและสิ้นเปลืองงบประมาณโดยไม่จำเป็น ในขณะที่หน้ากากอนามัยทางการแพทย์เริ่มไม่ขาดแคลนและกลับมามีจำหน่ายตามปกติ ซึ่งท้ายที่สุดโครงการนี้ก็ถูกระงับและยุติการแจกจ่ายหน้ากากผ้าไปในที่สุด
ทั้งนี้ อิโชซากิ เผยว่า รัฐบาลของอดีตนายกรัฐมนตรีอาเบะ ได้แจกจ่ายหน้ากากผ้าให้แก่ประชาชนไปประมาณ 130 ล้านชิ้น และมีการจัดส่งให้สถานรับเลี้ยงเด็กและสถานดูแลผู้สูงอายุตามที่ได้รับการร้องขอ ซึ่งหน้ากากผ้ากว่า 83 ล้านชิ้นที่เหลืออยู่ถูกเก็บไว้ในคลังสินค้า โดยมีค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้วจนถึงมีนาคมปีนี้อยู่ที่ราว 600 ล้านเยน หรือประมาณ 175 ล้านบาท
ขณะที่อิโชซากิยืนยันว่า โครงการแจกหน้ากากผ้าของอาเบะมีความเหมาะสมต่อสถานการณ์ในขณะนั้น และรัฐบาลจะพิจารณความเป็นไปได้ในการนำหน้ากากผ้าที่เหลืออยู่ไปใช้งานตามที่จำเป็น
ภาพ: Photo by Tomohiro Ohsumi / Getty Images
อ้างอิง: