CNBC รายงานอ้างอิงโดยแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยตัวตนว่า Microsoft มีแผนที่จะเปิดตัวซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้บริษัทขนาดใหญ่สร้างแชตบอตของตัวเองที่คล้ายกับ ChatGPT ได้
ในช่วงสองเดือนนับตั้งแต่ OpenAI เปิดตัว ChatGPT ให้คนทั่วไปได้ใช้งาน แชตบอตปัญญาประดิษฐ์ดังกล่าวได้กลายเป็นที่นิยม หลังสร้างความประทับใจให้กับผู้คนด้วยความสามารถในการแสดงความคิดเห็นในหัวข้อที่หลากหลาย
นักวิเคราะห์ของ UBS กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ChatGPT กำลังจะเข้าถึงผู้ใช้ที่ใช้งานอยู่ 100 ล้านคนต่อเดือน เร็วกว่าแอปวิดีโอสั้นชื่อดังอย่าง TikTok เสียด้วยซ้ำ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เลขาและล่ามอาจตกงาน! เมื่อ Microsoft เปิดตัว Teams Premium ที่ผสานพลัง ChatGPT จนสามารถสร้าง ‘บันทึกการประชุมอัตโนมัติ’ แถมยัง ‘แปลสด’ ได้มากถึง 40 ภาษา
- สงคราม ‘AI’ แชตบอตเดือด Baidu เปิดตัว ‘ERNIE Bot’ ท้าชน ‘ChatGPT’ ของ OpenAI และ ‘Bard’ ของ Google
- ยังไม่ช้า (เกินไป) ใช่ไหม? Google เปิดตัว ‘Bard’ แชตบอตปัญญาประดิษฐ์ที่เกิดขึ้นมาเพื่อสู้กับ ChatGPT โดยเฉพาะ
Microsoft พยายามที่จะใช้ประโยชน์จากการที่ตัวเองนั้นให้บริการ Backend การประมวลผลบนคลาวด์สำหรับ ChatGPT และในเดือนมกราคม Microsoft กล่าวว่าได้ลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ใน OpenAI
ล่าสุด Microsoft ยังทำงานเพื่อรวมเทคโนโลยี OpenAI เข้ากับผลิตภัณฑ์ของตนเอง และเพิ่งประกาศออกมาว่ากำลังเพิ่ม Bing ซึ่งเป็นเสิร์ชเอนจิน และ Edge ซึ่งเป็นอินเทอร์เน็ตเบราว์เซอร์ของตนด้วยเทคโนโลยีที่คล้ายกับ ChatGPT
นอกจากนี้ Microsoft ยังวางแผนที่จะเปิดตัวซอฟต์แวร์ที่ทำให้บริษัท โรงเรียน และรัฐบาล สามารถสร้างแชตบอตปัญญาประดิษฐ์เป็นของตัวเองขึ้นมาได้
รายงานระบุว่า Microsoft จินตนาการถึงการช่วยลูกค้าเปิดตัวแชตบอตใหม่ หรือปรับแต่งแชตบอตที่มีอยู่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งสามารถนำมาใช้งานระหว่างการสนทนากับฝ่ายบริการลูกค้าได้
ปัจจุบันโมเดลปัญญาประดิษฐ์พื้นฐานของ ChatGPT ไม่สามารถให้คำตอบที่สำคัญเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังปี 2021 ได้ เนื่องจากไม่ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับข้อมูลล่าสุด แต่ Microsoft ตั้งใจให้แชตบอตที่เปิดตัวพร้อมกับบริการ ChatGPT สำหรับธุรกิจของตนมีข้อมูลที่อัปเดต
สิ่งที่น่าสนใจคือ การที่ซีอีโอของ OpenAI ออกมายอมรับว่าการแชตแต่ละครั้งใน ChatGPT นำมาซึ่งค่าใช้จ่ายที่สูง มีการประเมินว่าหากให้บริการแชตแก่ผู้คน 100 ล้านคนต่อเดือน อาจมีค่าใช้จ่ายหลายล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน Microsoft ไม่ต้องการให้บริการนี้ทำให้ลูกค้าต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากเกินกว่าที่พวกเขาคิดไว้ ด้วยเหตุนี้บริษัทเทคโนโลยีจึงวางแผนที่จะให้เครื่องมือแก่ลูกค้าในการประเมินและจำกัดการใช้จ่าย
อ้างอิง: