ไมเคิล บลูมเบิร์ก มหาเศรษฐี เจ้าของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก และอดีตนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก วัย 77 ปี ประกาศตัวอย่างเป็นทางการ ในการลงสมัครชิงตำแหน่งผู้แทนของพรรคเดโมแครต ในการสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปีหน้า
โดยบลูมเบิร์ก ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในวงการสื่อมวลชน ด้วยทรัพย์สินกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งข้อความผ่านเว็บไซต์หาเสียงของเขา ระบุเหตุผลในการลงสมัครชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อโค่นประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน และพลิกฟื้นสหรัฐฯ ให้กลับมารุ่งเรือง
บลูมเบิร์กชี้ว่า ชาวอเมริกันไม่สามารถทนต่อการกระทำที่บ้าบิ่นและไร้จริยธรรมของทรัมป์ได้อีกต่อไป และมองว่าหากทรัมป์ชนะเลือกตั้งอีกสมัย อาจจะส่งผลเสียถึงขั้นทำให้สหรัฐฯ ไม่สามารถฟื้นคืนจากความเสียหายที่เขาก่อไว้ พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่าประสบการณ์ทำงานทั้งด้านธุรกิจ รัฐบาล และการกุศลของเขา จะส่งผลให้เขาชนะและเป็นผู้นำในการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมาถึง
“ผมลงสมัครชิงประธานาธิบดีเพื่อเอาชนะโดนัลด์ ทรัมป์ และสร้างอเมริกาขึ้นใหม่อีกครั้ง เราไม่สามารถทนการกระทำที่บ้าบิ่นและไร้จริยธรรมของประธานาธิบดีทรัมป์ ต่อไปอีก 4 ปีได้” บลูมเบิร์กระบุในข้อความประกาศลงสมัคร
ขณะที่บลูมเบิร์กเผยผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า ได้เริ่มต้นแคมเปญหาเสียงอย่างเป็นทางการแล้วตั้งแต่วานนี้ (25 พฤศจิกายน) ที่เมืองนอร์ฟอล์ก รัฐเวอร์จิเนีย อันเป็นฐานเสียงของพรรครีพับลิกัน ซึ่งเขามั่นใจว่าจะเปลี่ยนพื้นที่สีแดง (สีสัญลักษณ์รีพับลิกัน) ให้เป็นสีน้ำเงิน (สีสัญลักษณ์เดโมแครต) ให้จงได้ พร้อมทั้งทุ่มงบโฆษณาหาเสียงทางโทรทัศน์อีกกว่า 37 ล้านดอลลาร์สหรัฐในสองสัปดาห์ข้างหน้า
ก่อนหน้านี้ในช่วงต้นปี บลูมเบิร์กเคยแสดงท่าทีว่าจะไม่ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งเขาให้เหตุผลที่เปลี่ยนใจ เพราะไม่คิดว่ามีผู้สมัครคนใดมีศักยภาพพอที่จะเอาชนะทรัมป์ในการเลือกตั้งได้ ขณะที่การเลือกตั้งตัวแทนพรรคเดโมแครต จะจัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่รัฐไอโอวา ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ซึ่งนอกจากบลูมเบิร์ก ยังมีคู่แข่งตัวเต็งอย่าง โจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีในยุคบารัก โอบามา, เบอร์นี แซนเดอร์ส ผู้เคยท้าชิงตัวแทนพรรคกับ ฮิลลารี คลินตัน ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบที่แล้ว และ เอลิซาเบธ วอร์เรน วุฒิสมาชิกหญิงจากรัฐแมสซาชูเซตส์
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: