×

โควิดเปลี่ยนเกมธุรกิจ ‘MI’ รับลูกค้าชะลอใช้งบโฆษณา จ่องัดโซลูชัน ‘MI Bridge’ หนุนแบรนด์ไทยบุกตลาดโลก

28.10.2022
  • LOADING...

แบรนด์ไทยบุกอินเตอร์ไม่ยากอย่างที่เคย MI Group หรือ ‘MI’ ลั่นเห็นโอกาสชัดเจน ชูหน่วยธุรกิจใหม่ ‘MI Bridge’ กรุยทางช่วยลูกค้าแบรนด์ไทยสู่ตลาดโลก คาดโกยรายได้จากต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 10% ของรายได้รวมปีหน้า ส่วนปีนี้คาดธุรกิจเติบโต 15-20% หรือมีรายได้ 5,600 ล้านบาท

 

ภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท มีเดียอินเทลลิเจนซ์ จำกัด (MI Group) เปิดเผยว่า หลังโควิดคลี่คลายทำให้สถานการณ์เริ่มกลับมาคึกคัก แต่อีกด้านหนึ่งพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากถูกโควิดดิสรัปต์ ส่งผลให้ลูกค้าที่เคยซื้อสื่อโฆษณามีความระมัดระวังในการลงทุนและใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้ของธุรกิจมีเดียเอเจนซีในท้ายที่สุด 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

ยิ่งไปกว่านั้นการทำธุรกิจยุคใหม่ยังมีความท้าทายอย่างมาก ไม่ใช่เพียงแค่การแข่งขันภายในอุตสาหกรรม แต่ยังต้องปรับตัวให้ทันต่อความต้องการของแบรนด์สินค้า จึงต้องปรับตัวหาโอกาสใหม่ๆ ด้วยการวางตัวเองเป็น A Trusted Advisor สร้างจุดแข็งด้วย Solution Providers ตอบโจทย์นักการตลาดดิจิทัลในยุค Post Pandemic เพราะเห็นได้ว่าโควิดได้ทำให้ทุกสิ่งอย่างสามารถเชื่อมต่อกันได้ทั่วโลก

 

ปัจจุบัน MI มีหน่วยธุรกิจที่ดูแลตลาดต่างประเทศ กลุ่ม CLMV ซึ่งประเทศเมียนมาเป็นประเทศที่มีการเติบโตและมีรายได้ดีมาก อย่างไรก็ตาม หลังเกิดความขัดแย้งทางการเมือง ทาง MI จึงได้ถอยออกมาและใช้เวลาช่วงนั้นศึกษาการขยายธุรกิจใหม่ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

 

ภวัตกล่าวว่า จากภาพรวมที่ผ่านมา MI จึงได้ปรับแผนการดำเนินงาน ปรับหน่วยธุรกิจที่ดูแลตลาด Media Intelligence CLMV เปลี่ยนเป็น MI Bridge เพื่อขยายการบริการให้ครอบคลุมทั้งแบรนด์ไทยและต่างประเทศ ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับลูกค้าที่ต้องการเข้าไปทำตลาดในต่างประเทศ ภายใต้จุดแข็งการสร้างโซลูชันการตลาด โดยได้นำข้อมูลและเครื่องมือสื่อสารทางการตลาดใหม่ๆ มาจาก MI Learn Lab แหล่งรวบรวมข้อมูลที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงที่สุด 

 

จากนั้นจะเข้าไปมีส่วนร่วมในการสร้างยอดขาย โดยปัจจุบันมีลูกค้าเข้ามาเริ่มใช้บริการ ได้แก่ เดอะมอลล์ โอสถสภา และบางกอกแอร์เวย์ส ซึ่งหลักๆ จะเน้นทำการตลาดในมิดเดิลอีสต์ มัลดีฟส์ และฮ่องกง ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีโอกาสเติบโตสูง 

 

นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ โดยเฉพาะแบรนด์ไทยในระดับ Big Company ผ่านกลยุทธ์การเข้าร่วมสมาคมนักธุรกิจไทยในประเทศต่างๆ เข้าไปนำเสนอแนวคิดและข้อมูลต่างๆ เพื่อต่อยอดธุรกิจ ประกอบกับการสร้างสรรค์ผลงานให้มีประสิทธิภาพและเป็นที่ยอมรับในกลุ่มลูกค้า เพื่อให้เกิดการบอกต่อกันในตลาด

 

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า MI Bridge จะมีสัดส่วนรายได้กว่า 10% ของรายได้รวมในปี 2566 ถือว่าเติบโตถ้าเทียบกับรายได้ของกลุ่ม CLMV ที่ทำไว้อยู่ที่ราวๆ 5% ของรายได้รวม ส่วนผลการดำเนินงานของ MI Group ตลอดทั้งปี คาดว่าจะปิดให้ได้ 5,600 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 15-20%

 

ภวัตฉายมุมองภาพรวมการใช้เม็ดเงินสื่อโฆษณาในปี 2565 จากเดิมมองว่าจะเติบโตกว่า 10% แต่กลับมีปัจจัยลบ ทั้งสงคราม เศรษฐกิจ และกำลังซื้อเข้ามากระทบ จึงประเมินว่าการใช้เม็ดเงินจะเติบโตเพียง 7.4% คิดเป็นมูลค่ารวมอยู่ที่ 81,813 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นสื่อทีวี 37,598 ล้านบาท, อินเทอร์เน็ต 26,623 ล้านบาท, Out of Home 10,105 ล้านบาท, วิทยุ 2,656 ล้านบาท, ภาพยนตร์ 2,462 ล้านบาท และหนังสือพิมพ์ รวม 2,369 ล้านบาท

 

หากสังเกตจะเห็นว่าสื่อ Out of Home รายได้เริ่มกลับมาฟื้นตัว เนื่องจากผู้บริโภคกลับมาใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น ขณะที่สื่อออนไลน์ แม้ยังเติบโตแต่ไม่หวือหวาเหมือนที่ผ่านมา ส่วนสื่อทีวียังเติบโตลดลงต่อเนื่อง

 

อย่างไรก็ตาม ในปี 2566 MI คาดการณ์ว่ามูลค่าการใช้สื่อจะเพิ่มขึ้นมูลค่า 85,220 ล้านบาท เติบโต 4.2% แบ่งเป็นสื่อทีวี 44.6%, อินเทอร์เน็ต 33.2%, Out of Home 13.5% และสื่ออื่นๆ 8.7% หลักๆ มาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกรวมถึงไทย ส่งสัญญาณบวกให้กับอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงกำลังซื้อผู้บริโภคที่เริ่มกระเตื้องขึ้น ถ้าเทียบกับช่วงโควิดถือว่ามีสัญญาณที่ดี

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising