เอ็มจี (MG) สรุปยอดขายปี 2566 อยู่ที่ 2.7 หมื่นคัน ปี 2567 ตั้งเป้าเติบโต 4 หมื่นคัน เผยก้าวต่อไปโอกาสครบ 100 ปี วางแผนเพิ่มศักยภาพรถยนต์ในทุกเซกเมนต์ และรักษาตลาดสันดาปไปพร้อมกับ EV ฝ่าความท้าทายทุกด้าน พร้อมพาแบรนด์ขึ้นแท่นอันดับ 3 ในไทยภายใน 10 ปี
มร.ซู หยิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด และรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด กล่าวว่า ปี 2566 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่มีความท้าทายในเรื่องอุตสาหกรรมยานยนต์โลกชะลอตัวจากปัจจัยต่างๆ แต่ SAIC Motor มียอดขายรถยนต์รวมกว่า 5.02 ล้านคัน
โดยยังคงรักษาตำแหน่งอันดับหนึ่งของกลุ่มบริษัทรถยนต์ในประเทศจีนต่อเนื่องเป็นปีที่ 18 ด้วยศักยภาพในการส่งออกรถยนต์ไปทั่วโลกกว่า 1.208 ล้านคัน มีอัตราการเติบโต 18.8% เมื่อเทียบกับปี 2565 และมีปริมาณยอดขายรถยนต์ New Energy มากกว่า 1.123 ล้านคัน เติบโตถึง 4.6% โดย MG ZS เป็นรถที่ส่งออกจากประเทศจีนมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในหมวดรถยนต์นั่ง ส่งออกกว่า 201,874 คัน
“โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า MG 4 ELECTRIC ยังคงเป็นโกลบอลโมเดลและขวัญใจของคนไทย มียอดส่งออกกว่า 138,736 คัน และ MG 5 มียอดส่งออกกว่า 109,431 คัน ส่งผลให้ SAIC Motor ขึ้นแท่นเป็นแบรนด์ที่ส่งออกรถยนต์เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศจีน”
ปักธงไทยเป็นฐานผลิตส่งออกอาเซียนและน่านน้ำใหม่
หยินกล่าวอีกว่า โอกาสครบ 100 ปี และทศวรรษที่ 2 MG เตรียมแผนผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเพื่อการส่งออกไปยังประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และภูมิภาคอื่นๆ ซึ่งสอดคล้องกับแผนธุรกิจบริษัทแม่ และเป็นน่านน้ำใหม่ของ MG ด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เปิดชื่อแบรนด์รถยนต์ EV จีน ที่เข้ามาตั้งโรงงานผลิตในไทย เริ่มเดินสายพานปี 2567-2568 กำลังผลิตเท่าไร ตั้งอยู่ที่ไหนบ้าง
- อีกนานไหม กว่าไทยจะมีเหมืองลิเธียม? เจาะเบื้องลึกอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่
- 10 อันดับเหมืองลิเธียมที่ใหญ่ที่สุดของโลก ตั้งอยู่ที่ไหน ทุนชาติไหนเป็นเจ้าของ
นอกจากนี้ยังมีแผนเตรียมส่งรถยนต์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาด โดยมุ่งเน้นกลุ่มรถยนต์พลังงานทางเลือก เทคโนโลยีอัจฉริยะที่เทียบเท่าระดับสากลโลก (New Energy, Intelligent, Internationalization)
“ปีที่ผ่านมายอมรับว่ากระแส EV ในไทยมาแรงมาก เราจึงเตรียมสร้างโชว์รูมใหม่เพื่อป้อนตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (MG EV Showroom) ซึ่งจะเจาะกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมที่จำหน่ายในปัจจุบันอย่าง MG MAXUS 9 เจาะกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ รวมถึงเตรียมความพร้อมวางโมเดลอื่นๆ ที่เตรียมเข้ามาทำการตลาดในประเทศไทยด้วย”
พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด)
พงษ์ศักดิ์กล่าวเสริมว่า ปี 2566 ที่ผ่านมา MG ในประเทศไทยมียอดขายรวมอยู่ที่ 27,311 คัน มีสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์สันดาปแบ่งเป็นสัดส่วนอย่างละครึ่ง และปัจจุบัน MG ครองส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 4% บริษัทตั้งเป้าภายใน 10 ปีจะก้าวสู่อันดับ 3 ในไทยได้อย่างแน่นอน
“เราวางแผนเพิ่มศักยภาพรถยนต์ในทุกเซกเมนต์ และรักษาตลาดสันดาปไปพร้อมกับ EV เท่าๆ กัน และปีนี้จะลงทุนขยายพื้นที่เพื่อผลิตแบตเตอรี่ EV แห่งแรกในอาเซียน หลังจากเมื่อเร็วๆ นี้บริษัทได้เปิดโรงงานแบตเตอรี่ EV แห่งใหม่ภายใต้ชื่อ HASCO-CP BATTERY SHOP บนพื้นที่ New Energy Industrial Park ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 75 ไร่”
จับตาเศรษฐกิจโลกที่ชะลอ
แน่นอนว่าปีนี้เป็นปีที่ท้าทาย ซึ่งต้องจับตาภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอ รวมไปถึงเศรษฐกิจไทย ทั้งอัตราดอกเบี้ยสูง อัตราเงินเฟ้อสูง หนี้ครัวเรือนสูง และอัตราการเติบโตต่ำ ซึ่งประเทศไทยมีอัตราหนี้ครัวเรือนสูงถึงระดับ 90% ติดอันดับสูงต้นๆ ของโลกไปแล้ว
ส่วนปัจจัยบวก มองได้ทั้งในแง่ความท้าทายและโอกาส เพราะการที่ไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุส่งผลให้รถบางกลุ่มได้รับการตอบรับที่ดี เช่น MAXUS 9 นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกอื่นๆ เช่น การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล มาตรการสนับสนุน EV 3.5 และการเริ่มประกอบรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยที่มีผู้เล่นมากขึ้น
ดังนั้น ในปี 2567 บริษัทคาดว่า ภาพรวมตลาดรถยนต์ในประเทศไทยจะอยู่ที่ 8 แสนคัน ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าจะมียอดขายอยู่ที่ราว 1-2 แสนคัน
โดย MG ตั้งเป้าจะมียอดขายอยู่ที่ 4 หมื่นคัน แบ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 2.5 หมื่นคัน อย่างไรก็ตาม ปีนี้จะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่อีก คาดว่าไม่ต่ำกว่า 4 รุ่น