เจ้าหน้าที่ตำรวจเม็กซิโกตรวจพบชิ้นส่วนมนุษย์ในถุงดำ 45 ถุงที่ถูกทิ้งไว้ในหุบเขา บริเวณนอกเมืองกวาดาลาฮารา รัฐฮาลิสโกของเม็กซิโก เมื่อวานนี้ (1 มิถุนายน) ขณะกำลังตามหากลุ่มคน 7 คนที่ได้รับแจ้งว่าหายตัวไปราว 1-2 สัปดาห์ก่อน
การหายตัวไปของทั้ง 7 คนได้รับรายงานแจ้งคนหายคนละช่วงเวลากัน แต่ภายหลังการสืบสวนเบื้องต้นพบว่า ทั้ง 7 คนล้วนทำงานที่คอลเซ็นเตอร์แห่งเดียวกัน ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับสถานที่พบศพและชิ้นส่วนมนุษย์
เบื้องต้นผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถระบุจำนวนของเหยื่อผู้เสียชีวิต รวมถึงยังไม่สามารถระบุอัตลักษณ์ของเศษชิ้นส่วนมนุษย์เหล่านี้ได้ ทั้งยังไม่สามารถสรุปได้ว่า ชิ้นส่วนที่พบเกี่ยวพันกับการหายตัวไปของทั้ง 7 คนนั้นหรือไม่อย่างไร แต่ทางการท้องถิ่นยืนยันจะยังคงเดินหน้าค้นหากลุ่มคนที่หายตัวไปอย่างต่อเนื่อง
แม้จะยังไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัดว่าถุงชิ้นส่วนมนุษย์เหล่านั้นไปอยู่ที่นั่นได้อย่างไร แต่การก่ออาชญากรรมอุ้มหายหรือลักพาตัวมักเกิดขึ้นบ่อยครั้งในเม็กซิโก โดยตัวเลขของรัฐบาลชี้ว่า มีผู้คนมากกว่า 100,000 คนยังคงสูญหาย โดยหลายคนตกเป็นเหยื่อของกลุ่มอาชญากร และผู้กระทำความผิดเหล่านี้ก็มักไม่ได้รับการลงโทษ
ข้อมูลของรัฐบาลเม็กซิโกยังแสดงให้เห็นอีกว่า การอุ้มหายหรือการหายตัวไปส่วนใหญ่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2007 เมื่อประธานาธิบดีเฟลิเป กัวเดรอน ประกาศทำสงครามต่อต้านยาเสพติดอย่างจริงจัง โดย 3 ใน 4 ของรายงานผู้สูญหายเป็นผู้ชาย และ 1 ใน 5 มีอายุต่ำกว่า 18 ปีในขณะที่หายตัวไป
ขณะที่ทางญาติผู้สูญหายกล่าวว่า รัฐบาลเม็กซิโกยังไม่ได้ตามหากลุ่มคนที่สูญหายอย่างจริงจัง และดูเหมือนเจ้าหน้าที่รัฐเองก็ไม่ค่อยจะสนใจ เมื่อพวกเขาเดินทางมาแจ้งข่าวการหายตัวไปของบุคคลที่พวกเขารักหรือรู้จัก
โดยรัฐฮาลิสโกถือเป็นเมืองศูนย์กลางของสงครามยาเสพติดที่รุนแรงในเม็กซิโก มีกลุ่มอิทธิพลจำนวนไม่น้อยเลือกปฏิบัติการและใช้เมืองแห่งนี้เป็นฐานที่มั่นในการก่ออาชญากรรมและความรุนแรง เช่น กลุ่ม CJNG รวมถึงกลุ่มคู่อริอย่าง กลุ่ม Nueva Plaza ที่แยกตัวออกมาจากกลุ่ม CJNG เมื่อปี 2017
ภาพ: Ulizes Luiz / AFP
อ้างอิง: