×

เตือนโลก Metaverse เสี่ยงฟองสบู่แตก นักวิจัยชี้ ราคาที่ดินพุ่งกว่า 300 เท่า ภายใน 2 ปี

20.04.2022
  • LOADING...
Metaverse

งานวิจัย PIER Research เผย 5 ประเด็นที่น่าจับตามองเกี่ยวกับ Metaverse ชี้โลกเสมือนเป็นโอกาสใหม่ทางธุรกิจและอาจสร้างอาชีพใหม่ แต่ห่วงเกิดฟองสบู่แตกหลังราคาซื้อขายที่ดินในโลกเสมือนพุ่งกว่า 300 เท่า ภายใน 2 ปี

 

สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ เปิดเผยงานวิจัย PIER Research ในหัวข้อ ‘Is Metaverse LAND a Good Investment? It Depends on Your Unit of Account’ จัดทำโดย วรประภา นาควัชระ ผู้ช่วยอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ คณิสร์ แสงโชติ รองศาสตราจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ประเด็นทางเศรษฐศาสตร์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Metaverse และมีการนำข้อมูล Virtual Land Sales ของ The Sandbox Metaverse มาทำการวิเคราะห์เชิงลึก โดยสามารถสรุปประเด็นที่น่าสนใจได้ดังนี้

 

1. ที่มาและความหมายของ Metaverse

คำว่า ‘Metaverse’ ถูกใช้ครั้งแรกในนิยายเรื่อง Snow Crash ของ Neal Stephenson ตีพิมพ์ในปี 2535 ซึ่ง Metaverse เป็นโลกเสมือนที่ผู้คนเข้าไปสร้างตัวตนและใช้ชีวิตอยู่ โดยในยุคปัจจุบันมีความพยายามสร้างโลกเสมือนบนเทคโนโลยี Blockchain ทำให้สร้างระบบเศรษฐกิจในโลกเสมือนนี้ได้ โดยสามารถสร้างคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ขึ้นมาใหม่ เพื่อเป็นสื่อกลางการใช้จ่ายในโลกเสมือนนี้ ส่วนของใช้หรือสินค้าต่างๆ ในโลกเสมือนจะถูกสร้างขึ้นมาในรูปแบบ Non-Fungible Token (NFT) หรือเหรียญที่ไม่สามารถทำซ้ำหรือคัดลอก จึงสามารถแสดงความเป็นเจ้าของในเหรียญนั้นๆ ได้

 

2. Metaverse กับระบบเศรษฐกิจ

ในปัจจุบันนักพัฒนากำลังสร้างโลก Metaverse ขึ้นมาหลายแห่ง เมืองที่เปิดให้เข้าได้แล้วและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางคือ The Sandbox กับ Decentraland ส่วนนักพัฒนาคนไทยก็กำลังสร้างโลก Metaverse ขึ้นเช่นกัน เช่น Metaverse Thailand, Velaverse, T-Verse, Jakaverse, Translucia, เป็นต้น

 

การซื้อที่ดิน (หรือ Virtual Land) ในโลก Metaverse จะทำให้ผู้ซื้อได้สิทธิในการเปิดร้านใน Metaverse นั้นๆ ซึ่งการเปิดร้านอาจจะหมายถึงการเปิดร้านขายของที่เป็น NFT การสร้างเกมให้คนเข้ามาเล่น หรือการจัดกิจกรรม PR ต่างๆ นอกจากนี้ ผู้ซื้อ Virtual Land อาจซื้อไว้เพื่อขายต่อในราคาที่สูงขึ้นก็ได้

 

ขณะเดียวกัน ภาคธุรกิจก็อาจใช้ประโยชน์จาก Metaverse ในการ 

 

1) ทำ PR และ Marketing เพื่อหาลูกค้าใหม่ๆ

2) สร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้าที่มีอยู่แล้ว

3) ใช้ประโยชน์จาก Blockchain เพื่อสร้างสินค้าใหม่ๆ หรือทำธุรกิจรูปแบบใหม่ๆ เช่น ขาย NFTs (เช่น เครื่องประดับและวัตถุที่ใช้ในโลกเสมือน งานศิลปะ) สร้างเกม Play-to-Earn ขาย Virtual Land เป็นต้น

 

โดยหากโลก Metaverse เติบโตขึ้นได้จริงน่าจะมีการจ้างงานประเภทใหม่ๆ ได้อีกมากมาย เช่น นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ นักเศรษฐศาสตร์ นักวิเคราะห์ข้อมูล ผู้จัดงานในโลก Metaverse และวิศวกร Blockchain

 

3. ความคุ้มค่าของการลงทุนใน Metaverse

ปัจจุบันการซื้อขายที่ดินในโลก Metaverse ได้รับความสนใจค่อนข้างมาก จากสถิติล่าสุด (เดือนเมษายน 2565) พบว่ามีผู้ซื้อที่ดินในราคาสูงถึง 4.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 140 ล้านบาท สำหรับ The Sandbox และ 3.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 115 ล้านบาท สำหรับ Decentraland งานวิจัยชิ้นนี้ได้ทำการวัดดัชนีราคาที่ดิน (LAND NFT) ใน The Sandbox โดยใช้ราคาที่ดินทั้งหมด (All-Sales Index) ในช่วงระหว่างเดือนธันวาคม 2562 – มกราคม 2565 พบว่า ราคาที่ดินเพิ่มสูงถึงกว่า 300 เท่า

 

นอกจากนี้ งานวิจัยยังได้คำนวณดัชนีราคาที่ดินแบบใช้ราคาของที่ดินผืนที่มีการซื้อขายซ้ำ (Repeat Sales Index) และพบว่าราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 12 เท่า (ซึ่งแม้จะต่ำกว่าในกรณีของ All-Sales Index ค่อนข้างมาก แต่การเพิ่มของราคาที่ดินถึง 12 เท่า ในช่วงเวลา 2 ปี ก็ถือว่าสูงมากแล้วเมื่อเทียบกับการเพิ่มขึ้นของที่ดินในโลกจริง)

แม้พิจารณาจากข้อมูล Land Price Index พบว่าการซื้อที่ดินใน Metaverse เพื่อมาขายต่อในช่วงเวลาที่ผ่านมาน่าจะได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ามาก แต่มีข้อสังเกตสำคัญว่าจากข้อมูลที่เผยแพร่เราไม่สามารถทราบได้ว่ามีการปั่นหรือสร้างราคาอันเกินจริงหรือไม่

 

นอกจากนี้ การเกิดขึ้นของ Metaverse เมืองใหม่ๆ อาจทำให้ราคาของที่ดินในเมืองที่สร้างมาก่อนปรับลดลง และราคาที่ดินที่สูงเกินไปอาจทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดฟองสบู่แตกได้

 

“แม้จะมีข้อมูลระบุว่ามีผู้ซื้อที่ดินใน Metaverse ราคาสูงถึงหลายล้านดอลลาร์ แต่จากการเข้าตรวจสอบธุรกรรมใน Blockchain ซึ่งมีความโปร่งใสและตรวจสอบย้อนหลังได้พบว่ามูลค่าการซื้อขายที่ดินสูงสุดที่พบอยู่ที่ 1.5 แสนดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งเป็นไปได้ว่าข่าวที่ออกมาอาจเป็นการตกลงซื้อภายนอกหรืออาจไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้นจริงก็ไม่มีใครทราบได้ ถามว่าจะเกิดฟองสบู่แตกหรือไม่คงไม่มีใครกล้าฟัน แต่ลองคิดดูว่าคงไม่มีอะไรที่ราคาขึ้นไปถึง 300 เท่า ในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้” คณิสร์กล่าว

 

4. ความเต็มใจที่จะจ่ายของผู้ซื้อ

งานวิจัยชิ้นนี้ยังได้วิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อราคาที่ดิน (Hedonic Pricing Analysis) แล้วพบว่า โดยเฉลี่ยเมื่อมีการซื้อขายที่ดินใน The Sandbox โดยใช้เหรียญ SAND (คริปโตเคอร์เรนซีที่เป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยนใน The Sandbox) จะมีราคาสูงกว่าที่ดินที่ถูกซื้อขายโดยใช้เหรียญ ETH จึงเป็นที่น่าสนใจว่าสกุลเหรียญที่เลือกใช้ชำระมีความสัมพันธ์กับราคาซื้อขายที่ดินที่เกิดขึ้นในโลก Metaverse

 

ทั้งนี้ ผู้วิจัยมองว่ามีความเป็นไปได้ว่าความเต็มใจที่จะจ่าย (Willingness to Pay) ในการซื้อที่ดินใน Metaverse ของผู้ที่ถือสกุลเหรียญที่ต่างกัน อาจมีความแตกต่างกัน หากพิจารณาจากอัตราแลกเปลี่ยนของ SAND กับดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเวลาที่ทำการวิเคราะห์ พบว่า SAND แข็งค่าขึ้นสูงสุดประมาณ 135 เท่า ในขณะที่ ETH แข็งค่าขึ้นประมาณ 11 เท่า

 

5. The Metaverse Hype Cycle

ดูเหมือนว่า Metaverse และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องน่าจะมีศักยภาพในการสร้างโอกาสใหม่ๆ อีกมากมาย อย่างไรก็ดี จากหลักการของ Gartner Hype Cycle พบว่าเมื่อมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้น คนจะสนใจและตื่นเต้นกับเทคโนโลยีนั้นๆ มาก ตลอดจนการสร้างความคาดหวังที่เกินจริง เพราะในช่วงเริ่มต้นยังไม่มีใครสามารถทราบถึงศักยภาพที่แท้จริงของเทคโนโลยีนั้นๆ ได้ ต้องรอให้เวลาผ่านไปสักช่วงหนึ่งก่อน ให้เทคโนโลยีนั้นๆ ได้รับการสร้างและมีการใช้งานจริงไปสักพัก ผู้คนจึงจะเข้าใจว่าแท้จริงแล้วเทคโนโลยีนี้ใช้ทำอะไรได้ดี และใช้ทำอะไรไม่ได้ดี หรือมีโอกาสและความเสี่ยงที่แท้จริงอย่างไร เมื่อถึงจุดนั้นแล้ว Productivity ที่แท้จริงจึงจะเกิดขึ้นได้ตามความเป็นจริง ซึ่งเมื่อพิจารณาจาก Google Trend การค้นหาคำว่า NFT และ Metaverse ทั้งในไทยและต่างประเทศก็ได้ลดระดับลงมาจากเมื่อปลายปี 2564 พอสมควร

 

“ตามหลัก Gartner Hype Cycle เมื่อมีเทคโนโลยีใหม่เกิดขึ้นแล้วคนสนใจ ตื่นเต้น มันจะนำไปสู่ Inflated Expectations หรือความคาดหวังที่เกินจริง ซึ่งในกรณีของ Metaverse เราพบว่าคนสนใจและตื่นมากในช่วงที่ Facebook ประกาศจะหันมารุกธุรกิจนี้และเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta ทำให้ทั้งราคาเหรียญและที่ดินใน Metaverse พุ่งสูงขึ้น แต่ปัจจุบันราคาที่ดินและเหรียญได้ลดลงมาค่อนข้างมากแล้ว สะท้อนว่าจุดพีคของ Inflated Expectations ได้ผ่านไปแล้ว การลงทุนในช่วงขาลงเช่นนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวัง” วรประภากล่าว

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising