หลังช่วงเวลาแห่งความมืดมนอนธการเป็นเวลาหลายปี ช่วงเวลาที่ไม่มีใครคาดคิดว่าสโมสรระดับบาร์เซโลนา ซึ่งเป็นหนึ่งในหมุดหมายปลายทางแห่งความฝันของนักฟุตบอลและคนรักฟุตบอลทั่วโลกจะต้องเผชิญโชคชะตาเช่นนี้ ดูเหมือนความหวังจะเริ่มกลับมาที่คัมป์นูอีกครั้ง
โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว ประธานสโมสรจอมทรราช ผู้ที่นอกจากจะล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการบริหาร ยังทำในสิ่งที่ไม่มีใครคิดว่าจะมีประธานสโมสรคนใดทำ ด้วยการว่าจ้างบริษัทเอเจนซีมาเพื่อสร้างเรื่องสร้างราวโจมตีนักฟุตบอลในทีมและอดีตนักฟุตบอลที่เป็นที่รักของแฟนบอล
รวมถึงการเปิดสงครามกับ ลิโอเนล เมสซี ราชาลูกหนังที่ทำให้นักฟุตบอลที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของบาร์ซาเจ็บปวดถึงขั้นยอมตัดใจที่จะอำลาทีม เพื่อยุติปัญหาส่วนตัวและเพื่อให้ทีมสามารถก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้
อย่างไรก็ดี ที่สุดแล้วเมสซียังอยู่ด้วยความจำใจมากกว่าความจำเป็น (แต่นั่นก็อาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่บาร์โตเมวทำกับการแข็งขืนไม่ยอมให้ไป หรือคิดอีกทีก็อาจจะเป็นเกมบนหมากกระดานที่เมสซีวางเอาไว้ทั้งหมด?) และเป็นประธานสโมสรผู้ที่จะไม่ได้รับการจดจำในทางที่ดีจากบาร์เซโลนิสตาที่ต้องไป หลังจากทนกระแสกดดันจากแฟนบอลที่รวบรวมเสียงสมาชิกของสโมสรในการเตรียมโหวตไม่ไว้วางใจให้ฝ่ายบริหารทำหน้าที่ต่อไป
สิ่งที่บาร์โตเมวและบอร์ดบริหารทิ้งไว้คือ ทีมบาร์เซโลนาที่อ่อนแอที่สุดในรอบทศวรรษ เต็มไปด้วยนักเตะที่ถูกซื้อมาด้วยราคาแพงแต่ไม่สามารถตอบสนองต่อความคาดหวังได้ และทีมที่ขึ้นชื่อว่าร่ำรวยที่สุดสโมสรหนึ่งของโลกก็ประสบปัญหาทางการเงินชนิดที่ต้องปล่อยนักเตะอาวุโสที่ค่าเหนื่อยแพงทิ้งหลายราย โดยที่ไม่สามารถเสริมทัพได้อย่างที่ตั้งใจ
แต่นั่นดูเหมือนจะไม่ใช่ปัญหาสำหรับบาร์ซาอีกต่อไป เพราะหลังเจ็บปวดมานาน ดูเหมือนบาร์ซาพร้อมจะมองไปข้างหน้าอีกครั้ง
ชัยชนะ 2-0 เหนือยูเวนตุส และฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมของเมสซี เป็นเครื่องพิสูจน์สิ่งที่นักวิเคราะห์ลูกหนังสเปนมองไว้ว่า อย่างน้อยที่สุดนักเตะบาร์ซาหลายรายที่ ‘ทน’ มานานไม่ว่าจะเป็นกัปตันทีมชาวอาร์เจนไตน์, เคราร์ด ปิเก้, เซร์คิโอ บุสเกตส์ ได้ปลดปล่อยความทรมานของตัวเองออกไปแล้ว
พวกเขาพร้อมจะสู้ แม้ว่ากำลังวังชาจะเหลือน้อยลงไป เพื่อประคับประคองสโมสรให้พ้นยามยากนี้ไปก่อน
ส่วนเรื่องของอนาคต ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารชุดใหม่ที่จะมีการเลือกตั้งตำแหน่งประธานสโมสรใหม่ในเดือนมีนาคมปีหน้า
โดยหนึ่งในตัวเต็งของตำแหน่งนี้คือ บิคตอร์ ฟอนต์ ที่ประกาศต่อทุกคนอย่างชัดเจนถึงแผนการที่เขายืนยันว่า “ผมรู้ว่าจะกอบกู้บาร์เซโลนาอย่างไร”
หัวใจของแผนคือ การทำให้เมสซีเปลี่ยนการตัดสินใจที่ประกาศว่าจะไปจากสโมสรหลังสิ้นสุดฤดูกาลนี้ ซึ่งเป็นสัญญาปีสุดท้ายของเขากับบาร์ซา
สำหรับฟอนต์แล้ว ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เมสซีต้องอยู่กับทีมต่อไป ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม
หนึ่งในวิธีที่เขาเชื่อว่าจะรั้งตัวและหัวใจของราชาลูกหนังให้อยู่คู่คัมป์นูต่อไปได้คือ การดึงตัวเอาเหล่าตำนานบาร์ซาที่แฟนบอลคิดถึงกลับมาอีกครั้ง
ชาบี เอร์นานเดซ, อันเดรส อิเนียสตา, การ์เลส ปูโยล เหล่ายอดขุนพลผู้เคยพาเบลากรานาพิชิตทุกแดนดินบนโลก
รวมถึงกุนซืออัจฉริยะผู้พลิกประวัติศาสตร์ให้บาร์ซากลายเป็นสุดยอดทีมของโลกในศตวรรษที่ 21 อย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอลา
“พวกเขาเป็นตำนานที่รักบาร์เซโลนา แต่ไม่ได้ทำงานให้บาร์ซาในทุกวันนี้ เราจำเป็นต้องพาพวกเขากลับมา เพื่อมั่นใจได้ว่าเราจะเดินหน้าโครงการที่จริงจังนี้ได้ และสิ่งเดียวที่เมสซีต้องรู้คือ เขาจะอยู่ในแผนนี้ของเราด้วย ในการที่จะพิชิตแชมเปียนส์ลีกให้ได้อีกครั้ง”
ชาบี เอร์นานเดซ เป็นอีกหนึ่งคนสำคัญในแผนระยะยาวของฟอนต์ ซึ่งหากไม่ได้เป๊ป ก็อาจเป็นเขาที่จะรับบทกุนซือคนต่อไป
คำมั่นของฟอนต์ เป็นคำมั่นที่เป็นการเดิมพันที่สูงไม่น้อย เพราะการดึงตัวเหล่าอดีตซูเปอร์สตาร์เหล่านี้รวมถึงเป๊ปกลับมา ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก
เพื่อจะทำเช่นนั้นได้ เขาต้องใช้ ‘กำลังภายใน’ อย่างสูงสุด เพื่อยอมให้ทุกคนตกลงที่จะกลับมารับภารกิจ The Avengers ฉบับบาร์ซา
คนสำคัญที่สุดในบรรดาคนที่กล่าวมานั้นคือเป๊ป ซึ่งเป็นความท้าทายของฟอนต์ เพราะตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา อดีต Passmaster ผู้กลายเป็นยอดกุนซือระดับโลก ออกตัวมาหลายครั้งว่าวันเวลาของเขากับบาร์ซาได้จบลงแล้ว
และวันที่เขาจากสโมสรมาก็เป็นเพราะเขาหมดความรู้สึกใดๆ กับทีมแล้ว เหลือไว้เพียงแค่ความผูกพัน
แต่กับชีวิตช่วงนี้ของเป๊ปก็ไม่แน่เหมือนกัน เพราะอย่างที่ทราบว่าเขาเหลือเวลาในสัญญากับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อีกเพียงแค่ปีเดียว และยังบ่ายเบี่ยงที่จะเจรจาเรื่องของการต่อสัญญาฉบับใหม่อยู่
ผลงานของทีม ‘เรือใบสีฟ้า’ ในช่วง 2 ฤดูกาลหลังก็ใช่จะดี พวกเขาเสียแชมป์พรีเมียร์ลีกให้ลิเวอร์พูลไปแบบหมดสภาพ ล้มเหลวในแชมเปียนส์ลีกเหมือนเดิม และดูเหมือนปัญหาจะไม่จบแค่ฤดูกาลที่แล้ว เพราะในฤดูกาลนี้ทีมยังไม่ฟื้นตัวได้เต็มที่นัก
ปัญหาของซิตี้คือ การที่พวกเขาเสียนักเตะที่เป็นผู้นำของทีมอย่าง แวงซองต์ กอมปานี และ ดาบิด ซิลบา ไปโดยยังไม่สามารถหาใครเข้ามาทดแทนได้ ขณะที่แกนหลักที่เหลืออยู่อย่าง เซร์คิโอ อเกวโร, แฟร์นันดินโญ ก็โรยราลงไปทุกวัน
ลำพังเพียง เควิน เดอ บรอยน์, ราฮีม สเตอร์ลิง, อายเมอริค ลาปอร์ต และ เอแดร์สัน ไม่สามารถพาทีมโกยชัยชนะเป็นกอบเป็นกำได้เหมือนเดิม ขณะที่กลุ่มนักเตะที่เหลืออย่าง ฟิล โฟเดน, โรดรี, กาเบรียล เชซุส, แบร์นาโด ซิลวา หรือน้องใหม่อย่าง เฟร์ราน ตอร์เรส ต้องการเวลาในการขัดเกลาตัวเอง
สถานการณ์เรื่องสัญญาของเป๊ปเองก็เป็นปัญหา เมื่อสโมสรต้องการความชัดเจนเพื่อจะวางแผนในการบริหารระยะยาว และการที่ไม่รู้ว่าจะได้ร่วมงานกับเป๊ปต่อไปหรือไม่ ก็อาจส่งผลกระทบต่อแรงจูงใจและความตั้งใจในการเล่นของผู้เล่นแมนฯ ซิตี้ด้วย
ดังนั้นมีความเป็นไปได้ที่เป๊ปอาจจะตัดสินใจที่จะ ‘พอ’ แค่นี้ หากสถานการณ์ยังบ่งบอกว่าทุกอย่างอาจจะไม่ดีขึ้น เพราะยิ่งเวลาผ่าน การพลาดในแต่ละนัดยิ่งทำให้เป๊ปตั้งคำถามกับตัวเองและทีมมากขึ้นเรื่อยๆ
การกลับไปบาร์ซา สโมสรที่เป็นเหมือนบ้านอีกครั้ง โอกาสในการได้ร่วมงานกับเมสซี ดวงดาวที่เขามีส่วนช่วยปั้นขึ้นมาจนกลายเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดตลอดกาลคนหนึ่งของโลก และภารกิจในการกอบกู้บาร์ซาอีกครั้งเหมือนวันที่เขารับช่วงต่อจาก แฟรงค์ ไรจ์การ์ด ก็อาจเป็นเรื่องที่ดี
อย่างไรก็ดี ขั้นแรกคือการที่ฟอนต์ต้องชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ให้ได้ก่อน
เขาได้ประกาศจุดยืนและความทะเยอทะยานไปแล้ว ที่เหลือก็อยู่ที่สมาชิกสโมสรจะเป็นผู้ตัดสินใจเองว่าพวกเขาจะเชื่อใจหรือไม่
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
- https://www.marca.com/en/football/barcelona/2020/10/29/5f9b0811268e3e431e8b45f2.html
- https://www.telegraph.co.uk/football/2020/10/29/barcelona-presidential-candidate-victor-font-wants-pep-guardiola/
- บิคตอร์ ฟอนต์ เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานสโมสรคนแรกด้วยแนวคิดและแนวทางในการกอบกู้บาร์ซาด้วยคนของบาร์ซา ทำให้เขาได้รับความนิยมจากแฟนบอล รวมถึงยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลกาตาลันด้วย
- นอกจากเขา ยังมีคนที่น่าจับตามองอีกหลายคนรวมถึง โจน ลาปอร์ตา อดีตประธานสโมสรที่ยังไม่ประกาศว่าจะลงชิงตำแหน่งด้วย แต่หากตัดสินใจลงเมื่อไร ก็จะเป็นคู่แข่งที่สำคัญของฟอนต์ทันที ในฐานะประธานสโมสรที่เป็นผู้เริ่มยุคยิ่งใหญ่ของบาร์ซาด้วยนักเตะอย่าง โรนัลดินโญ และสายเลือดลา มาเซีย อย่างชาบี, อิเนียสตา, ปูโยล, บุสเกตส์ และเมสซี