ดูเหมือนว่า Mercedes-Benz จะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าล้วนภายในปี 2030 ได้อย่างที่จินตนาการไว้
ในปี 2021 ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมันประกาศแผนการที่จะขายเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า ‘ในตลาดที่สภาวะเศรษฐกิจเอื้ออำนวย’ ภายในปี 2030 แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าสภาวะตลาดจะไม่เป็นตัวสนับสนุนเป้าหมายนั้น และเป็นหลักฐานล่าสุดที่แสดงว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกกำลังรู้สึกแย่ลงเกี่ยวกับอนาคตของรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด หลังจากการเติบโตของยอดขายชะลอตัวลง
Mercedes-Benz กล่าวในรายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ว่า คาดว่ายอดขายรถ EV จะคิดเป็นเพียง 50% ของยอดขายทั้งหมด ซึ่งลดลงอย่างมากจากแนวโน้มที่เคยสดใสกว่านี้ รถยนต์สันดาปและไฮบริดจะยังคงเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตของ Mercedes-Benz ไปอีกหลายปี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- 1 ก.พ. นี้ Mercedes-Benz จะ ‘ขายและใช้โปรโมชันเดียวกันทั่วไทย’ งานนี้ใครได้หรือเสียเปรียบ
- ซีอีโอ Mercedes-Benz ประเทศไทย ชี้ การเข้าถึงลูกค้าโดยตรงสำคัญไม่แพ้เทคโนโลยี EV
- Mercedes-Benz จะเริ่มผลิต ‘รถยนต์ไฟฟ้า’ ในประเทศไทย คาดอาจเป็นรุ่น EQS 500 ที่เคยประกาศว่าเป็นรุ่นแรกที่ประกอบนอกเยอรมนี
“ลูกค้าและสภาวะตลาดจะกำหนดจังหวะการเปลี่ยนแปลง” Mercedes-Benz กล่าว “บริษัทวางแผนที่จะสามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าทั้งหมด หรือเครื่องยนต์สันดาป จนถึงช่วงทศวรรษ 2030”
แม้แต่ในยุโรป ซึ่งยอดขายรถ EV เติบโตได้ดีกว่าในทวีปอเมริกาเหนือ Ola Källenius ผู้เป็นซีอีโอของบริษัท ก็ไม่คาดหวังว่าจะเปลี่ยนไปใช้การขาย EV เท่านั้นในเร็วๆ นี้ โดยบอกกับ Reuters ว่า “แน่นอนว่าตลาดยุโรปทั้งตลาดคงไม่เปลี่ยนไป 100% ภายในปี 2030 นอกจากนี้ Mercedes ก็เช่นกัน” โดยข้อมูลปัจจุบันระบุว่า รถยนต์ไฟฟ้ามีสัดส่วน 11% ของยอดขายรวม และเมื่อรวมรถไฮบริดด้วยจะอยู่ที่ 19%
Källenius กล่าวว่า Mercedes-Benz ต้องการให้ลูกค้าและนักลงทุนรู้สึกมั่นใจว่าบริษัทมีศักยภาพในการผลิตรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปต่อไป และยังพร้อมอัปเดตเทคโนโลยียานยนต์สันดาปไปอีกหลายปีในทศวรรษหน้า
หุ้นของผู้ผลิตรถยนต์ รถหรูหรา ปรับตัวสูงขึ้น 5.9% หลังมีข่าวนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากโครงการซื้อหุ้นคืน 3 พันล้านยูโร (3.3 พันล้านดอลลาร์) ที่ประกาศเมื่อช่วงดึกของวันพุธ (21 กุมภาพันธ์) ด้วยเช่นกัน
ความคิดเห็นล่าสุดจากผู้บริหารรถยนต์ที่แสดงความระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับอนาคตของรถยนต์ไฟฟ้า ขณะที่ Elon Musk ซีอีโอของ Tesla เตือนว่า บริษัทกำลังเตรียมรับมือกับการเติบโตของยอดขายที่ช้าลงอย่างมากในปี 2024
ด้านบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าล้วนๆ อย่าง Rivian และ Lucid คาดว่ากำลังการผลิตจะทรงตัวในปีนี้ บริษัทอื่นๆ เช่น GM และ Ford ได้ชะลอการก่อสร้างโรงงานหรือยกเลิกรถบางรุ่น
ยอดขายรถ EV ทะลุเกือบ 8% ของยอดขายรวมในสหรัฐอเมริกาเมื่อปีที่แล้ว ในขณะที่ในยุโรปคิดเป็น 13% ยอดขายยังคงเพิ่มขึ้น แต่ลูกค้ากังวลมากขึ้นเกี่ยวกับราคา ขณะเดียวกันก็แสดงความกังวลเกี่ยวกับเวลาในการชาร์จและความน่าเชื่อถือ
โดยผู้ใช้รถ EV บอกว่า เป็นเรื่องยากที่จะหาจุดชาร์จสาธารณะที่ใช้งานได้ โดยเฉพาะในการเดินทางทางไกล ส่วนที่บ้าน ค่าไฟฟ้าที่แพงทำให้การชาร์จที่บ้านกลายเป็นค่าใช้จ่ายที่แพงมากกว่าที่ผู้ผลิตรถยนต์คาดการณ์ไว้ในเริ่มแรก
ในขณะเดียวกัน ยอดขายรถไฮบริดเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากผู้คนจำนวนมากขึ้นมองเห็นประโยชน์ของการเดิมพันแบบคู่ขนานระหว่างรอโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จไฟพัฒนาไปก่อน
อ้างอิง: