เช็งทึง ของหวานในรุ่นแม่ที่เคยขายแค่เพียงปีละ 10 วัน สู่กิจการของรุ่นลูกที่ยังคงรักษารสชาติเมื่อ 40 กว่าปีก่อน แม้ศักราชใหม่ของทายาทจะดำเนินระยะมาได้เพียงแค่ 5 ปี แต่ก็ดึงดูดลูกค้าทั้งหน้าใหม่และดั้งเดิม พิสูจน์ได้จากภาพของผู้คนที่แวะเวียนมาเยือน อาอี๊หวานเย็น ร้านขนาดหนึ่งคูหาบนถนนเยาวราชแห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย
“เช็งทึง แปลว่าของหวานน้ำใส เป็นคำโบราณแต้จิ๋ว ถ้าสมัยนี้เขาจะเรียกว่าเต้าทึง” ซ้อพิม 1 ใน 7 ทายาทผู้สานต่อความหวานของแม่อธิบายให้เราฟัง
“สมัยก่อนบ้านเราอยู่ในซอยโรงเจโจวซือกง พอถึงเทศกาลกินเจ แม่ก็เกณฑ์ลูกๆ มาช่วยกันทำเช็งทึง 1 ปีจะขายแค่เพียง 10 วัน พอหมดเทศกาลก็รับจ้างเย็บกระสอบ หรือลูกบางคนก็ออกไปทำงานนอกบ้าน”
เมื่อกาลเวลาผ่านไป กิจการดังกล่าวก็เลือนหาย ด้วยเหตุสมาชิกต่างแยกย้ายกันไปมีครอบครัว กระทั่งวันหนึ่งลูกๆ ตัดสินใจรวมตัวเพื่อคืนชีพให้ของหวานสูตรโบราณของแม่อีกครั้ง
“ชื่อร้านว่า อาอี๊ นำมาจากชื่อแม่ เพราะลูกๆ เรียกแม่ว่าอาอี๊ คนจีนรุ่นโบราณเขาถือ ไม่ให้เรียกแม่ว่าหม่าม้า แต่จะเรียกว่าอาอี๊ อาซิ้ม เพื่อเป็นการแก้เคล็ด ได้ชื่อแล้วหลานก็ทำโลโก้ของร้านเป็นรูปหน้าคุณแม่ให้” พูดจบซ้อพิมก็ชี้ให้เราดูโลโก้ของอาอี๊หรือคุณแม่เซียมจึงที่แขวนอยู่หน้าร้าน ลายเส้นง่ายๆ ที่ถอดแบบเจ้าตัวได้อย่างน่ารักและอบอุ่น
เช็งทึง (30 บาท) ของร้านอาอี๊ยังคงตามรอยสูตรดั้งเดิม ปรับเปลี่ยนวัตถุดิบเล็กน้อยให้ถูกปากคนกินยุคปัจจุบัน ในหนึ่งถ้วยอัดแน่นไปด้วยเครื่องที่มีทั้งแปะก๊วย พุทรา เม็ดบัว แห้ว บาร์เลย์ เฉาก๊วย ถั่วแดง ลูกชิด ลำไย และแป้ง 3 ชนิดคือ เช็งซิมอี้ โบ๊กเกี้ย โซวอี้
“วัตถุดิบเราจะสั่งจากข้างนอกแล้วนำมาเชื่อมเอง เครื่องทั้งหมดเป็นสูตรโบราณ ไม่มีข้าวโพดหรือวุ้น จริงๆ สูตรดั้งเดิมของแม่จะต้องมีวุ้นแบบคนจีนแผ่นสีขาวๆ ตัดแล้วก็แช่กิน แต่คนสมัยนี้บอกว่าติดคอ กินไม่เป็น เราเลยเปลี่ยนเป็นเฉาก๊วย แล้วสมัยก่อนจะมีไส่เปี้ยหรือลูกพลับแห้งที่หั่นแล้วเจ็บมือมาก เราก็เปลี่ยนเป็นถั่วแดง”
เช็งทึงใส่มาครบเครื่อง
ว่าแล้วซ้อพิมก็อธิบายถึงแป้งสามชนิดที่ทั้งคลายสงสัยและเป็นความรู้ใหม่ให้กับเรา “เช็งซิมอี้ทำจากแป้งข้าวเหนียว ปั้นเป็นแผ่นกลม โบ๊กเกี้ยทำจากแป้งข้าวเจ้าผสมแป้งมันสำปะหลัง ปั้นเป็นเส้นยาวรีคล้ายกับลอดช่อง ส่วนโซวอี้ทำจากแป้งมัน แป้งมันสำปะหลัง หั่นเต๋า เคี้ยวแล้วจะหนึบๆ ร้านที่เห็นกันทั่วไปคือเขาเอาชื่อแป้งมาตั้งเป็นชื่อร้าน เพราะเครื่องของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ร้านเช็งซิมอี้ก็คือแป้งกลม ถ้าติดป้ายว่าโบ๊ยเกี้ยก็จะเป็นเส้นรีแบบไหหลำ ซึ่งแป้งพวกนี้สมัยก่อนแม่จะต้องลงมือทำเอง นวดด้วยน้ำร้อนแล้วหั่นจนมือขึ้นพอง พอถึงรุ่นลูกเรารู้สึกว่าไม่ไหว เป็นงานที่หนัก เลยไม่ทำกันเองแล้ว”
The Dishes
หากเป็นลูกค้าประจำจะรู้ดีว่าของอร่อยอันดับต้นๆ ที่ทำให้ร้านอาอี๊โดดเด่นไม่เหมือนใครก็คือหมี่หวาน เช็งทึงหมี่หวาน (40 บาท) จึงเป็นเมนูขายดีอันดับหนึ่ง และอร่อยจนถึงกับมีเมนู หมี่หวาน (20 บาท) ให้กินโดยเฉพาะ
“หมี่หวานคือเส้นบะหมี่ธรรมดาที่ไม่ใส่ไข่ เราจ้างเขาทำพิเศษ มีกลิ่นหอมของน้ำด่าง เวลาจะกินก็ลวกแล้วใส่ในน้ำเชื่อม ทิ้งไว้สักพักน้ำเชื่อมก็จะซึมเข้าไปในเส้น” ซ้อพิมบอกเพิ่มเติมว่าหากกินร้อนจะได้กลิ่นหอมของบะหมี่ชัดเจน แต่หากถนัดกินเย็นก็ได้สัมผัสแข็งนิดๆ ของเส้น ซึ่งอร่อยกรุบไปอีกแบบ
เช็งทึงหมี่หวาน
หมี่หวานในน้ำเชื่อม
ความหวานละมุนกำลังดีเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ลูกค้าต่างติดใจ โดยน้ำเชื่อมของทางร้านมีส่วนผสมเรียบง่ายเพียงแค่น้ำตาลทรายแดงต้มกับใบเตยเท่านั้น ภายหลังทายาทยังได้เพิ่มเมนูนมสดตามสมัยนิยมเข้ามา อาอี๊ในยุคปัจจุบันจึงมีทั้ง เช็งทึงนมสด (40 บาท), เช็งทึงหมี่หวานนมสด (50 บาท) รวมถึง เฉาก๊วยนมสด (30 บาท) และแปะก๊วยนมสด (40 บาท) ให้สั่ง
แปะก๊วยนมสด
“เดี๋ยวนี้วัยรุ่นตามจากอินเทอร์เน็ตมากินกันเยอะ ส่วนลูกค้าดั้งเดิมก็มาจากโรงเจ ลูกค้าหลายคนบอกว่ารสชาติไม่ผิดจากที่เคยกินเมื่อ 40 ปีที่แล้ว เราสืบทอดสูตรของแม่เพราะความเสียดาย และตั้งใจจะขายต่อไปเพราะเป็นขนมที่เราเติบโตมากับมัน” ซ้อพิมบอกปิดท้าย
อาอี๊หวานเย็น
Open: วันอังคาร-เสาร์ เวลา 10.00-21.00 น. วันอาทิตย์ เวลา 10.00-20.00 น.
Address: 556 ถนนเยาวราช แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ
Budget: 20-50 บาท
Contact: 0 2235 7856, 08 6812 1735
Facebook: https://web.facebook.com/อาอี๊-หวานเย็น-198031987230589/
Map:
