McDonald’s ในสหราชอาณาจักรประกาศขึ้นราคา ชีสเบอร์เกอร์ เป็นครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษ เนื่องจากเชนอาหารฟาสต์ฟู้ดกลายเป็นบริษัทล่าสุดที่ส่งต่ออัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นให้กับลูกค้า
ชีสเบอร์เกอร์ราคา 99 เพนนี (45 บาท) เป็น 1.19 ปอนด์สเตอร์ลิง (53 บาท) นอกจากนี้ McDonald’s ยังจะเพิ่มราคาสินค้าอีกหลายรายการระหว่าง 10-20 เพนนี
ในอีเมลถึงลูกค้า Alistair Macrow ผู้บริหารระดับสูงของ McDonald’s ในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์กล่าวว่า บริษัทกำลังเผชิญกับ “ทางเลือกที่ยากลำบาก” เกี่ยวกับราคาของเมนูอาหาร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เหล้าเก่าในขวดใหม่! McDonald’s ในรัสเซียกลับมาเปิดอีกครั้งด้วยชื่อแบรนด์ใหม่คือ ‘Vkusno & Tochka’ หรือ ‘อร่อย แค่นั้นแหละ’
- อ้าว ไม่ตรงปกนี่หน่า! McDonald’s และ Wendy’s ถูกฟ้องฐานทำ ‘โฆษณาเบอร์เกอร์’ ใหญ่กว่าที่ขายจริง เรียกค่าเสียหายกว่า 1,732 ล้านบาท
“เราเข้าใจดีว่าการขึ้นราคาใดๆ ก็ตามไม่ใช่ข่าวดี แต่เราได้ชะลอและลดการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้” เขากล่าว และเสริมว่าราคาบางส่วนไม่ได้รับผลกระทบ
ราคาบางร้านจะยังคงแตกต่างกันไปตามร้านต่างๆ เนื่องจากบางร้านดำเนินการโดยแฟรนไชส์ ซึ่งสามารถกำหนดราคาตามคำแนะนำของ McDonald’s
ไม่ใช่แต่ McDonald’s เท่านั้น แต่กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใหญ่ที่สุดในโลกหลายกลุ่ม รวมทั้ง Unilever และ Coca-Cola ได้ประกาศขึ้นราคาอย่างหนักเพื่อรับมือกับแรงกดดันด้านต้นทุนเงินเฟ้อ
โดยค่าพลังงานและอาหารสูงขึ้นเนื่องจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย และการขาดแคลนแรงงานอันเนื่องมาจากการระบาดใหญ่ ทำให้เกิดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อต่อบริษัทต่างๆ
ขณะเดียวกัน BBC ได้อ้างอิงรายงานของ The Economist ที่ติดตามต้นทุนของ Big Mac ทั่วโลกมาตั้งแต่ปี 1986 จากตัวเลขเมื่อเดือนกรกฎาคม สหราชอาณาจักรเป็นประเทศที่ซื้อ Big Mac แพงที่สุดเป็นอันดับที่ 14 จาก 54 ประเทศที่ติดตาม โดยมีมูลค่า 3.69 ปอนด์
โดย 5 ประเทศที่ซื้อ Big Mac ที่แพงที่สุด 5 อันดับแรก เมื่อวัดจากสกุลเงินดอลลาร์คือ สวิตเซอร์แลนด์, นอร์เวย์, อุรุกวัย, สวีเดน และแคนาดา
อย่างไรก็ตาม McDonald’s กล่าวว่ากำลังพิจารณาว่าจะเพิ่มตัวเลือกเมนูลดราคาเพิ่มเติมหรือไม่ เนื่องจากค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรป ส่งผลให้ลูกค้าที่มีรายได้ต่ำกว่าซื้อสินค้าราคาถูกลงและรับประทานอาหารมื้อใหญ่น้อยลง
ยักษ์ฟาสต์ฟู้ดเพิ่งรายงานว่ายอดขายทั่วโลกเพิ่มขึ้น 9.7% ในช่วง 13 สัปดาห์ถึง 30 มิถุนายน โดยในสหรัฐอเมริกาซึ่งมีสาขามากกว่า 13,000 แห่ง McDonald’s กล่าวว่าการเติบโตของยอดขายนั้น ‘ได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของราคาเมนูเชิงกลยุทธ์’ และอัตราเงินเฟ้อนั้นได้ผลักดันให้ลูกค้าแสวงหาทางเลือกที่มีส่วนลด โดย McDonald’s มีร้านทั่วโลกประมาณ 36,000 แห่ง ซึ่งประกอบด้วยสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของและร้านแฟรนไชส์ในกว่า 100 ประเทศ
อ้างอิง: