McDonald’s ยักษ์ใหญ่ฟาสต์ฟู้ดระดับโลก ออกโรงวิพากษ์ระบบ ‘ค่าแรงทิป’ ที่ใช้กันมายาวนานในอุตสาหกรรมร้านอาหาร พร้อมย้ำว่าพนักงานทุกกลุ่มควรได้รับค่าจ้างขั้นต่ำตามกฎหมาย โดยไม่ควรถูกบังคับให้พึ่งพารายได้จากทิปเป็นหลัก
ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ถึงขั้นทำให้ McDonald’s ประกาศถอนตัวออกจาก National Restaurant Association (NRA) สมาคมการค้าร้านอาหารที่ทรงอิทธิพลที่สุดในสหรัฐฯ เพื่อยืนยันจุดยืนที่แตกต่างกับแนวทางของสมาคม
Chris Kempczinski ซีอีโอของ McDonald’s กล่าวว่า ปัจจุบันสนามการแข่งขันในตลาดร้านอาหารไม่เท่าเทียมกัน โดยมองว่าพนักงานทุกกลุ่มควรได้รับค่าแรงไม่ต่ำกว่าค่าจ้างพื้นฐาน รวมถึงพนักงานเสิร์ฟตามร้านอาหารนั่งทานที่ปัจจุบันพึ่งพารายได้จากทิปเป็นหลักเช่นกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- พิษเศรษฐกิจเล่นงาน McDonald’s เผยยอดขายไตรมาสแรกร่วงหนัก
- ชุดสุดคุ้ม 99 บาท ฮีโร่ช่วย McDonald’s ฝ่าวิกฤตเงินเฟ้อ
- McDonald’s พบวิกฤตอีโคไลอีกครั้ง! หุ้นร่วง 9.6% มูลค่าหาย 2 หมื่นล้านดอลลาร์
เสียงวิจารณ์ดังกล่าวสอดรับกับการถกเถียงที่ยืดเยื้อในสหรัฐฯ เกี่ยวกับความเป็นธรรมของระบบค่าแรงทิป โดยที่ผ่านมาระบบดังกล่าวเปิดช่องให้ร้านอาหาร เช่น บาร์ หรือเชนร้านอาหารนั่งทาน จ่ายค่าแรงพื้นฐานต่ำกว่าค่าจ้างขั้นต่ำ อยู่ที่ 2.13 ดอลลาร์ หรือราว 68 บาทต่อชั่วโมง โดยให้ลูกค้าเป็นผู้จ่ายชดเชยผ่านการให้ทิป เพื่อให้รายได้รวมของพนักงานแตะระดับค่าจ้างขั้นต่ำ 7.25 ดอลลาร์ หรือราว 233 บาทต่อชั่วโมง
ทั้งนี้ ในหลายเมืองใหญ่เริ่มปรับทิศทางรับมือกับระบบการให้ทิป เริ่มตั้งแต่ชิคาโก สำนักงานใหญ่ McDonald’s กำลังทยอยยกเลิกระบบค่าแรงทิป รวมถึงรัฐใหญ่ๆ อย่าง แคลิฟอร์เนียและ วอชิงตัน ก็ได้ยกเลิกไปเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแต่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. แม้จะเคยมีมติยกเลิกแต่กลับชะลอออกไปอย่างไม่มีกำหนด
ในอีกด้านหนึ่ง กลุ่มแรงงานและนักเคลื่อนไหวอย่าง One Fair Wage ที่ต่อสู้กับระบบนี้มานานหลายปี เห็นด้วยกับจุดยืนของ McDonald’s แม้จะมองว่าเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ แต่ก็ยืนยันว่าระบบ ‘subminimum wage’ หรือระบบการจ่ายค่าจ้างที่ต่ำกว่าค่าจ้างขั้นต่ำตามกฎหมาย ไม่สามารถปกป้องพนักงานได้จริง และเป็นการผลักภาระต้นทุนแรงงานให้ลูกค้าแบกรับแทน
ยิ่งไปกว่านั้นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ McDonald’s ไม่อาจนิ่งเฉยได้ คือการแข่งขันของเชนร้านอาหารนั่งทานดุเดือดมากขึ้น เมื่อแบรนด์ Chili’s หรือ IHOP เริ่มทำการตลาดขายเมนูเบอร์เกอร์ในราคาที่ใกล้เคียงกับฟาสต์ฟู้ดทั่วไป ขณะที่แบรนด์เหล่านี้ยังได้เปรียบด้านต้นทุนแรงงาน จากการจ่ายค่าจ้างที่ต่ำกว่าค่าจ้างขั้นต่ำตามกฎหมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่แบรนด์ใหญ่ๆ ไม่สามารถทำได้
ซีอีโอของ McDonald’s กล่าวต่อไปว่า หากแบรนด์ร้านอาหารใช้ระบบการจ่ายทิปเป็นส่วนหนึ่งของโมเดลธุรกิจ นั่นหมายความว่ากำลังผลักต้นทุนแรงงานไปให้ลูกค้าจ่ายแทน พร้อมย้ำว่าความเป็นธรรมจะเกิดขึ้นจริงก็ต่อเมื่อทุกฝ่ายจ่ายค่าแรงขั้นต่ำที่เท่ากัน
อย่างไรก็ตาม กระแสสังคมเริ่มส่งแรงกดดันเพิ่มขึ้น เนื่องจากลูกค้าอเมริกันจำนวนมากแสดงความไม่พอใจกับการถูกบังคับให้จ่ายทิป ในธุรกิจหลากหลายประเภท สอดรับกับข้อมูลจากผู้ให้บริการชำระเงิน ที่ชี้ว่า ในปีที่ผ่านมาอัตราการให้ทิปโดยรวมลดลงอย่างต่อเนื่อง
เรียกได้ว่าการถกเถียงร้อนแรงขึ้นไปอีกเมื่อรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ เสนอแนวคิด ‘ยกเลิกการเก็บภาษีของรัฐบาลกลางจากทิป’ เพื่อบรรเทาภาระของแรงงานบริการ แต่ ซีอีโอของ McDonald’s เห็นว่าแนวทางดังกล่าวไม่ช่วยพนักงานในร้าน เพราะไม่ได้รับทิปตั้งแต่แรก โดยสิ่งที่จะสร้างความเป็นธรรมมากกว่าคือการปรับค่าแรงทิปให้เท่ากับค่าจ้างขั้นต่ำทั่วไป
ด้านนักวิเคราะห์จากวอลล์สตรีทยืนยันว่า ประเด็นค่าแรงทิปเป็นแรงจูงใจสำคัญที่ทำให้บริษัทตัดสินใจถอนตัวออกจากสมาคม NRA ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของแบรนด์ฟาสต์ฟู้ดอันดับหนึ่งอย่าง McDonald’s
และในท้ายที่สุด แม้แรงจูงใจหลักของ McDonald’s จะมาจากการแข่งขันทางธุรกิจ แต่การยืนหยัดในประเด็นนี้ก็ทำให้บริษัทกลายเป็นผู้เล่นสำคัญที่จุดไฟในการถกเถียงเรื่องค่าแรงทิปให้ร้อนแรงขึ้น และอาจเป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้สหรัฐฯ ต้องหันกลับมาทบทวนระบบค่าจ้างที่ใช้กันมานานหลายทศวรรษ
ภาพ: Patcharaporn Puttipon4289
อ้างอิง: