แม้ว่า ‘แมคโดนัลด์’ จะเป็นผู้นำในตลาดเบอร์เกอร์ แต่ไม่เคยหยุดสร้างการเปลี่ยนแปลง เพื่อตอกย้ำความเป็นแบรนด์อันดับหนึ่ง ล่าสุดได้เปิดตัวแคมเปญ ‘Next Gen Burger’ อัปเกรดทุกเมนูเบอร์เกอร์ให้รสชาติอร่อยกว่าที่เคย เริ่มตั้งแต่ดับเบิ้ล ชีสเบอร์เกอร์ ตามด้วยบิกแมค และควอเตอร์ พาวน์เดอร์ วิท ชีส ราคาเริ่มต้น 99 บาท หวังเจาะกลุ่มเป้าหมายทุกเจเนอเรชัน
พัชนีวรรณ ตันประวัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท แมคไทย จำกัด กล่าวว่า เราได้ศึกษาและทำความเข้าใจลูกค้าในทุกๆ เจเนอเรชัน พบว่า มีความแตกต่างกันอย่างมาก แต่ที่เห็นได้ชัดคือ ผู้บริโภคมีความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา จึงถือเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ธุรกิจนำมาพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาด
ที่สำคัญการปรับตัวนั้นยังเป็นการเพิ่มขีดการแข่งขันในตลาดเบอร์เกอร์ประเทศไทยที่มีการเติบโตขึ้นต่อเนื่อง มีทั้งแบรนด์รายเล็กและรายใหญ่กระโดดเข้ามาแข่งขันกัน สร้างทางเลือกให้กับคนรุ่นใหม่มากขึ้น และสิ่งที่เห็นได้ชัดคือ ผู้บริโภคกลุ่มนี้จะให้ความสำคัญกับคุณภาพมากกว่าเรื่องราคา
ยิ่งไปกว่านั้นการพัฒนารสชาติอยู่ตลอดเวลาจะช่วยสร้างความแตกต่างในตลาดเบอร์เกอร์ได้ แมคโดนัลด์จึงเปิดตัวแคมเปญ ‘Next Gen Burger’ ประสบการณ์เบอร์เกอร์ที่ดีที่สุดของแมคโดนัลด์ ที่ต้องมาลองเอง…แล้วจะเชื่อ เพื่อตอกย้ำความเป็นแบรนด์เบอร์เกอร์อันดับหนึ่งในใจลูกค้า
ที่ผ่านมาแคมเปญนี้ใช้ในหลายประเทศทั่วโลก เริ่มตั้งแต่ประเทศของบริษัทแม่อย่างอเมริกา ออสเตรเลีย รวมถึงในภูมิภาคเอเชีย เช่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง สิงคโปร์ ซึ่งถือว่าได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม
ถึงเวลาของประเทศไทยที่เราจะนำแคมเปญดังกล่าว ซึ่งอยู่ภายใต้แนวคิด ‘Many Small changes make one big difference’ มาสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ เพราะถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากในไตรมาส 4 เป็นช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองของผู้บริโภค เราเชื่อว่าจะสร้างโมเมนตัมที่ดีในการสร้างแบรนด์
สิ่งที่น่าสนใจของแคมเปญ ‘Next Gen Burger’ คือ แมคโดนัลด์ได้อัปเกรดเบอร์เกอร์ยอดฮิต 3 เมนู ได้แก่ ดับเบิ้ล ชีสเบอร์เกอร์ ตามด้วยบิกแมค และควอเตอร์ พาวน์เดอร์ วิท ชีส ราคาเริ่มต้น 99 บาท เริ่มตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 9 มกราคม 2567 เฉพาะการรับประทานที่ร้าน สั่งซื้อกลับบ้าน บริการไดร์ฟ ทรู ที่แมคโดนัลด์ในสาขาที่ร่วมรายการเท่านั้น
เรียกได้ว่าจากนี้ทุกเมนูเบอร์เกอร์ของแมคโดนัลด์จะมีรสชาติอร่อยกว่าเดิม จากการปรับกระบวนการผลิตเบอร์เกอร์ใหม่ เริ่มตั้งแต่
- Softer Glazed Bun ปรับสูตรขนมปังใหม่ให้นุ่มขึ้น มีเนื้อขนมปังมันวาว เปิดกล่องออกมาจะเห็นความสวยงามของเบอร์เกอร์ที่แตกต่างจากเดิม
- Grilled Master ได้ปรับวิธีย่างเนื้อแบบใหม่ เปลี่ยนวิธีกริลล์เนื้อพร้อมกับหัวหอม เพิ่มความชุ่มฉ่ำ ล็อกรสชาติ โดยวัตถุดิบเนื้อของแมคโดนัลด์นำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย 100%
- Cheese Tempering ได้เปลี่ยนวิธีการเตรียมชีสนำเข้าจากนิวซีแลนด์ในอุณหภูมิ 16-19 องศาเซลเซียส เพื่อให้ชีสละลายในระดับที่เหมาะสม
- Fresh Vegetable มีการเปลี่ยนขั้นตอนการเตรียมผัก โดยลดระยะเวลาการเก็บผักให้สั้นลงถึง 60% เพื่อให้ผักมีสดใหม่อยู่ตลอดเวลา
- Sauce มีการเพิ่มปริมาณซอสขึ้น 50% ทั้งหมดจะทำให้รสชาติของเบอร์เกอร์มีรสชาติอร่อยมากขึ้น
ทั้งนี้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักๆ คือคนรุ่นใหม่ เริ่มตั้งแต่เด็กนักเรียน นักศึกษา จนถึงวัยทำงาน และครอบครัว เรียกได้ว่าทุกเจเนอเรชัน
สำหรับการทำตลาด บริษัทได้วางงบประมาณ 20 ล้านบาท เพื่อทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ สื่อสารแคมเปญและสร้างการรับรู้อย่างครอบคลุม และจากนี้ในปี 2567 ก็เตรียมจัดแคมเปญเข้ามาสร้างสีสันให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
“เราเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี ที่สำคัญแคมเปญดังกล่าวจะทำให้ยอดขายของเบอร์เกอร์เติบโตขึ้นถึง 20% โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้หลัก มาจากเบอร์เกอร์ 52.6% และไก่ทอด 18.4%” พัชนีวรรณ ตันประวัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท แมคไทย จำกัด ย้ำ
อย่างไรก็ตาม ทิศทางการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทเตรียมงบลงทุนไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท เพื่อใช้ขยายสาขาและรีโนเวตร้านใหม่ประมาณ 10 สาขา โดยปัจจุบัน แมคโดนัลด์มีทั้งหมด 228 สาขา ทั้งรูปแบบนั่งที่ร้านและบริการ Drive-Thru ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
