ถ้า Maxim Zhestkov เกิดก่อนหน้านี้ในหลักร้อยปี ผู้คนคงเรียกว่าเขาว่า ‘พ่อมด’ เพราะสิ่งที่เขาทำนั้นดูจะเป็นสิ่งที่หวือหวา ตระการตา และไม่น่าเป็นไปได้
Maxim ศิลปินชาวรัสเซียจากเมืองมอสโกวัย 35 ปี คือผู้เปลี่ยนจินตนาการให้กลายเป็นความจริง เขาไม่ใช่ศิลปินตามขนบวิถีเก่า หากแต่เป็นบุคคลที่ใช้ความล้ำสมัยของดิจิทัลและแอนิเมชัน (หรือเทคโนโลยีแสง สี เสียง) มาสร้างสรรค์ผลงานที่มีเรื่องราว เต็มไปด้วยความหมาย และขับเคลื่อนความรู้สึกภายในจิตใจของผู้คน แม้ว่าชาวโลกจะแขวนป้ายให้เขาเป็นศิลปิน แต่เมื่อได้เห็นงานของเขาแล้ว เราจะพบว่าเขาเป็นมากกว่านั้น เขาสามารถเป็นนักสำรวจ เป็นผู้ขยันสำรวจสิ่งใหม่ๆ เป็นนักปรัชญา เป็นผู้ชอบตีความให้กับสิ่งต่างๆ อย่างแยบคม เป็นนักเทคโนโลยี ผู้รู้จักหยิบนำสิ่งประดิษฐ์แห่งยุคสมัยมาใช้งาน เป็นกวีผู้ร่ายเรื่องราวที่สวยงาม รวมทั้งเป็นนักฟิสิกส์ผู้ชอบทดลองและเสาะหาวิธีการที่ยังไม่มีใครเคยใช้มาสร้างสรรค์ผลงาน
แต่กว่าจะมาเป็น Maxim อย่างในทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เขาต้องใช้เวลาบ่มเพาะตัวเองอยู่นานกว่าจะเข้าที่เข้าทาง โดยหลังจากที่สะสมความรู้ทางปริญญาตรีในสายสถาปัตยกรรม และปริญญาโทด้านการออกแบบกราฟิกและวิจิตรศิลป์ Maxim ก็ตกผลึกในแนวทางการทำงานของตัวเอง เขามองเห็นประโยชน์ของ 3D ที่มากกว่าแค่การทำแผนที่หรือสร้างแบบจำลอง การสำรวจสิ่งใหม่ และการค้นพบเกิดขึ้นตั้งแต่นั้น เพราะถัดมา ผลงานของเขาก็มีเทคโนโลยี 3D เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งอย่างแยกไม่ออก ยิ่งคลุกคลีและทดลองอยู่กับเทคโนโลยีซอฟต์แวร์การแสดงภาพและการเรนเดอร์ขั้นสูงมากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าความคิดสร้างสรรค์ถูกปลดปล่อยอย่างมีอิสระ มันทำให้เขาค้นพบความสามารถในด้านอื่นๆ ของตัวเอง ทั้งฟิสิกส์ ทัศนศิลป์ และคณิตศาสตร์ แน่นอนว่าเขาหลงใหลมันจนถอนตัวไม่ขึ้น ว่ากันว่างานของเขาคือ ‘ศิลปะดิจิทัล’ ที่ขับเคลื่อนโดยอัลกอริทึม ฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ และปฏิสัมพันธ์ระหว่างวัตถุกับตัวศิลปิน ผลงานอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขาไม่ได้สะกดจิตแค่ชาวรัสเซียน หากแต่กระทบใจชาวโลก กระทั่งได้มีโอกาสกระทบไหล่กับแบรนด์ดังมากมาย รวมถึงผลงานล่าสุดนี้ที่เขาตั้งชื่อว่า Hidden Reality หรือ ‘ความจริงที่มองไม่เห็น’ ซึ่งเป็นการร่วมงานกับแบรนด์ยนตรกรรมที่มีสาวกไปทั่วโลกอย่าง BMW
Maxim ชอบตั้งคำถามเกี่ยวข้องกับ ‘ความจริง’ ผ่านผลงานของเขาหลายต่อหลายครั้ง โดยหวังว่าสิ่งที่เขาสร้างสรรค์ขึ้นจะนำเราทุกคนไปสู่ความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับโลก รวมถึงเข้าใจความจริงที่เป็นอยู่มากขึ้น ครั้งนี้ก็เช่นกัน เขาให้ชื่อผลงานว่า ‘Hidden Reality’ หรือ ‘ความจริงที่มองไม่เห็น’ ซึ่งเป็นการสื่อสารความจริงผ่านการตีความรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น BMW i4 โดยหลังจากที่เขาได้สำรวจ BMW i4 อย่างหมดจดทุกมุมมอง เขาก็พบว่ากระแสไฟฟ้าและสนามแม่เหล็กไฟฟ้าทำให้เกิดผลกระทบบางอย่างที่เรามองไม่เห็นอยู่รอบตัว โดยเขาได้ใช้อัลกอริทึมคำนวนกับผลลัพธ์นับพันล้านรายการ แล้วจึงซ้อนผลลัพธ์นั้นเข้ากับการสร้างภาพแบบจำลอง 3 มิติของ BMW i4 ที่กำลังเคลื่อนที่ในสภาพแวดล้อมเสมือนจริง 3 สภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน กลายเป็นเส้นทางที่หวือหวา ราวกับว่า BMW i4 กำลังแล่นอยู่ในโลกอนาคต
“ถ้าคุณวาดวงกลมบนกระดาษ มันอาจจะเป็นแค่วงกลม แต่ในความเป็นจริง ถ้าคุณมองมันอย่างลึกซึ้ง วงกลมวงนั้นอาจจะเป็นทรงกระบอก หรือทรงกลมก็ได้ คือมีมิติมากขึ้น” Maxim พูดถึงการตีความงานของเขา ซึ่งไม่ต่างจากการที่มนุษย์เรามีข้อจำกัดในการรับรู้และตีความสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา อยู่ที่ว่าเราจะเลือกตีความแบบพื้นฐานและลึกซึ้ง “ผมหวังว่างานของผมจะช่วยให้เราเข้าใจว่าโดยพื้นฐานแล้ว สิ่งที่เรามองเห็นรอบตัวล้วนมีขอบเขตจำกัดในเชิงฟิสิกส์และธรรมชาติ แต่ในความจริงแล้วนั้น มันเปิดกว้างสำหรับการตีความอย่างไม่สิ้นสุด…สิ่งที่สำคัญไม่ใช่สิ่งที่เรารู้อยู่แล้ว แต่คือสิ่งที่เราไม่รู้” Maxim กล่าวถึงผลงานที่แฝงไปด้วยปรัชญาของเขา
จริงอยู่ที่ศิลปินฝีมือยอดเยี่ยมแบบนี้เหมาะที่จะมีงานจัดแสดงอยู่ในแกลเลอรีระดับโลก ทว่า Maxim Zhestkov ไม่คิดเช่นนั้น เขามองว่าผลงานศิลปะในยุคนี้ไม่ควรถูกจำกัดอยู่ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งอีกต่อไป หากแต่เป็นการเปิดกว้างเพื่อให้เกิดประสบการณ์และการตีความเมื่อได้สัมผัสกับผลงานมากกว่า เพราะทุกวันนี้แค่คุณหยิบมือถือขึ้นมา ก็สามารถสัมผัสงานศิลปะระดับโลกได้แล้ว เฉกเช่นที่เขาเนรมิตการเดินทางสายใหม่ให้กับ BMW i4 ในครั้งนี้
เปิดผัสสะ สัมผัสผลงานของเขาด้วยตัวคุณเองผ่านทาง
อ้างอิง: