วันนี้ (29 เมษายน) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก บรรยากาศภายในศาลพบว่า มีกลุ่มมวลชนจำนวนหนึ่งเดินทางมาร่วมจัดกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เพื่อเรียกร้องให้ศาลพิจารณาให้ประกันตัวแกนนำกลุ่มราษฎร เช่น อานนท์ นําภา, ภาณุพงศ์ จาดนอก, ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์, ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล และ พริษฐ์ ชิวารักษ์ ซึ่งระหว่างการชุมนุมมวลชนได้มีการนำข้อความและภาพมาชู โดยมีป้ายขนาดใหญ่ที่เขียนข้อความว่า ‘45 วัน #คืนสิทธิ์ประกันตัวโดยไม่มีเงื่อนไข’ ทั้งนี้ ผู้ชุมนุมยังได้มีการชูมือสัญลักษณ์ 3 นิ้ว และตะโกนว่า “ปล่อยเพนกวิน” อย่างต่อเนื่อง
ต่อมา เวลา 12.30 น. ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล พร้อม ส.ส. พรรคก้าวไกลบางส่วน เช่น รังสิมันต์ โรม และ อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์การยื่นขอประกันตัวแกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎร
ชัยธวัชกล่าวว่า เป็นห่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะปัญหาสุขภาพของพริษฐ์ กระบวนการให้ประกันตัวในคดีการเมืองมาตรา 112 กำลังสะท้อนให้เห็นว่า กระบวนการยุติธรรมของไทย กฎหมายกำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการปราบปรามผู้ที่เห็นต่าง
ผู้พิพากษาในกระบวนการยุติธรรมถูกตั้งคำถามว่าใช้กฎหมายอย่างบิดเบือนหรือไม่ในการไม่ให้ประกันตัวหลายครั้ง ไม่สอดคล้องกับข้อกำหนดของกฎหมาย โดยหวังว่าศาลจะทบทวนการพิจารณา เพราะนี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะทำให้ความศรัทธาในกระบวนการยุติธรรมยังคงหลงเหลืออยู่
ส่วนกรณีการแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ที่ทาง ส.ส. พรรคก้าวไกล เสนอ รองเลขาธิการสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ส่งหนังสือมาที่พักก่อนหน้านี้เพื่อแจ้งว่า การยื่นเสนอของพรรคก้าวไกลอาจจะขัดต่อหลักรัฐธรรมนูญในมาตราที่ 6 ซึ่งจากการทบทวนแล้ว ทางพรรคก็ยังยืนยันว่าไม่มีการขัดต่อหลักรัฐธรรมนูญ
ด้านรังสิมันต์กล่าวว่า ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องแลกกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด กับการนำแกนนำราษฎรและแนวร่วมเข้าเรือนจำ นี่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในฐานะที่ตนก็เคยเรียนนิติศาสตร์ เช่นเดียวกับผู้พิพากษาที่ก็เรียนนิติศาสตร์เช่นกัน ให้ใช้ความรู้สึกทำหน้าที่ในการสร้างความยุติธรรมให้เกิดขึ้น
หมดเวลาแล้วที่จะนำคนไปกักขังโดยไม่มีเหตุ ส่วนตัวมองว่ามีความจำเป็นต้องปล่อยตัวแกนนำ ไม่ใช่ว่าละเว้นการดำเนินคดี แต่กระบวนการยุติธรรมจะดำเนินการต่อไปเพื่อหาความยุติธรรมให้กับทุกฝ่าย ไม่อยากเห็นใครที่ต้องเสียชีวิตจากการไม่ได้รับการประกันตัว
ต่อมาเมื่อเวลา 13.00 น. พ.ต.อ. ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาล (สน.) พหลโยธิน ได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง บริเวณบันไดทางขึ้นศาลอาญาว่า ขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่เดินทางมาให้กำลังใจขณะนี้เคารพสถานที่และอย่าละเมิดสิทธิของผู้อื่น ตนเข้าใจว่าต้องการเดินทางมาให้กำลังใจ แต่ขอให้อยู่ในความสงบ และอย่ากระทำการใดที่ขัดต่อหลักกฎหมาย เพราะในบริเวณดังกล่าวมีกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพได้ตลอดเวลา
ต่อมาเวลา 15.00 น. เบนจา อะปัญ นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) นำกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมมายื่นรายชื่อตามแคมเปญล่ารายชื่อยุติ ‘ราชอยุติธรรม’ 11,035 ราย ยื่นต่ออธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาเพื่อทวงสิทธิ์ประกันตัวแกนนำและแนวร่วมคณะราษฎร ซึ่งถูกฟ้องร้องในคดีอาญามาตรา 112
เบญจาได้เรียกร้องให้ ชนาธิป เหมือนพะวงศ์ รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เดินทางมารับมอบหนังสือกฎหมายและรายชื่อทั้งหมดด้วยตัวเอง ต่อมาชนาธิปได้เดินทางลงมาสังเกตการณ์บริเวณจุดที่ผู้ชุมนุมรวมตัวกัน ทันใดนั้นผู้ชุมนุมได้สังเกตเห็น มีการตะโกนด่าทอ ทำให้ชนาธิปเดินเลี่ยงออกไป
ขณะที่เบญจาได้นำเครื่องขยายเสียงมาประกาศบริเวณบันไดทางขึ้นศาลอาญา เรียกร้องให้ชนาธิปเดินทางมารับเอกสารทั้งหมด โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้ามาดูแลความเรียบร้อย ก่อนจะโปรยกระดาษรายชื่อจนเต็มบริเวณ
