ตามคาด! เมื่อสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ประกาศแต่งตั้ง มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือชาวญี่ปุ่นวัย 56 ปี ให้มานั่งตำแหน่งกุนซือคนใหม่ของทีมฟุตบอลทีมชาติไทย แทนที่ มาโน โพลกิง ที่ประกาศแยกทางกันไปก่อนหน้า
และเช่นเคย THE STANDARD ขอถือโอกาสนี้พาแฟนบอลชาวไทยไปรู้จักกับ มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือใหม่ป้ายแดงของทัพช้างศึกว่าเขาคือใคร เคยทำงานคุมทีมไหนมาก่อนบ้าง
และอะไรคือปัจจัยสำคัญที่เหล่ากูรูบอลไทยทั่วฟ้าเมืองไทยต่างยกให้อิชิอิเป็นคนที่เหมาะสมกับทีมไทยที่สุดในชั่วโมงนี้?
จุดเริ่มต้นของยอดกุนซือ Made in Japan
ย้อนกลับไปสมัยที่ มาซาทาดะ อิชิอิ เป็นนักเตะ สโมสรแรกที่เขาสังกัดคือ NTT Kanto (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นโอมิยะ อาร์ดิจา) ก่อนจะย้ายไปอยู่กับคาชิมา อันท์เลอร์ส ในช่วงปี 1991-1997 ได้ลงเล่นไป 109 นัด ตลอด 6 ปี ก่อนจะไปแขวนสตั๊ดกับอวิสปา ฟุกุโอกะ ในปี 1998
หลังจากนั้นอิชิอิพักงานจากวงการลูกหนังไปนาน 2 ปี ก่อนจะกลับมารับงานเป็นโค้ชฟิตเนสให้กับคาชิมา อันท์เลอร์ส ในปี 2002 ซึ่งเขาทำงานในตำแหน่งนี้นานถึง 10 ปี! ก่อนที่จะถูกโยกขึ้นมาเป็นผู้ช่วยโค้ชตอนปี 2012
และได้รับโอกาสคุมทีมคาชิมา อันท์เลอร์ส ในปี 2015 แทนที่ Toninho Cerezo ที่ถูกปลดออกจากตำแหน่ง
ทว่าหลังจากเข้ามารับเผือกร้อนไม่นาน เขาใช้เวลา 3 เดือนก่อนปิดฤดูกาลพาทีมเอาชนะกัมบะ โอซาก้า 3-0 ในนัดชิงชนะเลิศ พร้อมคว้าแชมป์เจลีกคัพ (หรือถ้วยลูวานคัพ)
ฤดูกาลถัดมาเขาเดินหน้าสร้างผลงานอันร้อนแรงต่อเนื่อง ด้วยการพาทีมซิวแชมป์เจลีก และเอ็มเพอเรอร์คัพ ในฤดูกาล 2015/16 พร้อมได้รับรางวัลส่วนตัวอย่างผู้จัดการทีมแห่งปีจากเจลีกในปีนั้นมาครองอย่างยิ่งใหญ่
เท่านั้นยังไม่พอ อิชิอินำทัพคาชิมา อันท์เลอร์ส สร้างประวัติศาสตร์เป็นสโมสรแรกจากทวีปเอเชีย เข้ารอบชิงฯ ฟุตบอลฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ หรือศึกชิงแชมป์สโมสรโลกในปี 2016 พบกับ ‘ราชันชุดขาว’ เรอัล มาดริด
แม้คาชิมาของอิชิอิจะถูกมองว่าเป็นรอง แต่ยอดทีมจากแดนอาทิตย์อุทัยสามารถต่อสู้กับทีมอย่างเรอัล มาดริด ภายใต้การทำทีมของ ซีเนดีน ซีดาน ที่นำทัพโดย คริสเตียโน โรนัลโด กับ คาริม เบนเซมา ได้อย่างสูสี ก่อนจะแพ้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 120 นาทีไป 2-4
แต่ท้ายสุด ช่วงเวลาดีๆ มักผ่านไปไวกว่าที่คิด เพราะฤดูกาลถัดมาเขาไม่สามารถนำทีมประสบความสำเร็จได้เท่าฤดูกาลก่อน และถูกปลดจากตำแหน่งโค้ชในปี 2017
ปีต่อมาอิชิอิลงไปรับงานคุมทีมโอมิยะ อาร์ดิจา โดยมีภารกิจสำคัญคือการพาทีมไต่จากลีกเจทู ทะยานขึ้นสู่ลีกสูงสุดอย่างเจลีกให้ได้ แต่สุดท้ายภารกิจล้มเหลว เขาทำได้เพียงพาทีมจบอันดับ 5 ของตาราง ซึ่งรอบนี้เขาเป็นคนเลือกอำลาตำแหน่งออกจากทีมไปเอง
หันหลังให้วงการลูกหนัง ไปเข้าครัว…
หลังแยกทางกับโอมิยะ อาร์ดิจา อิชิอิตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตใหม่ และทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด นั่นคือการเข้าไปเป็นพนักงานในศูนย์อาหารแห่งหนึ่งในเมืองคาชิมา ซึ่งเหตุผลสำคัญที่เลือกงานนี้นอกจากการได้พักใจ-พักชีวิตจากวงการลูกหนัง
คือเขาต้องการใช้เวลากับครอบครัวอย่างเต็มที่ หลังทุ่มเทชีวิต อุทิศแรงกาย-แรงใจให้กับงานโค้ชจนไม่ได้มีเวลาให้กับครอบครัวมาอย่างยาวนาน แม้จะไม่ได้เป็นงานที่มีเงินเดือนที่มากมายก็ตาม
เขย่าเวทีไทยแลนด์ลีก
2 ปีผ่านไป อิชิอิได้รับการติดต่อจาก มาดามเจี๊ยบ-ศิริมา พานิชชีวะ เจ้าของทีมสมุทรปราการ ซิตี้ ให้มาทำหน้าที่โค้ชของทัพเขี้ยวสมุทร
แม้จะต้องแยกจากครอบครัว บินลัดฟ้ามาทำงานไกลถึงประเทศไทย แต่อิชิอิก็ตัดสินใจตกปากรับคำกับสมุทรปราการ ซิตี้ และกลับมารับงานคุมทีมฟุตบอลอีกครั้งในเดือนธันวาคม ปี 2019
อิชิอิเข้ามาโชว์ความสามารถอย่างมากในการคุมทีมนี้ เขาเปลี่ยนรูปแบบทีม ระบบการฝึกซ้อม ปั้นนักเตะหลายคนขึ้นมาประดับวงการและติดทีมชาติชุดใหญ่ไม่น้อย ทั้ง จักพัน ไพรสุวรรณ, ศุภนันท์ บุรีรัตน์, ปฏิวัติ คำไหม และอื่นๆ จนท้ายที่สุดนำทีมจบอันดับที่ 6 ของตารางแบบเหนือความคาดหมาย กับผลงานชนะ 14 เสมอ 5 แพ้ 11 นัด
หลังจากนั้นอิชิอิต่อสัญญาอยู่คุมทีมสมุทรปราการอีก 1 ปี ก่อนจะโบกมือลาทัพเขี้ยวสมุทร และไปรับงานคุมทีมใหญ่ของลีกบ้านเราอย่างบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
การเข้าร่วมทีมปราสาทสายฟ้าเหมือนทำให้อิชิอิได้ปล่อยของที่มีอยู่ในมือ เขาพาทีมสร้างประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยมีกุนซือคนไหนทำได้ นั่นคือการคว้าทริปเปิลแชมป์ 2 ปีติด
และเมื่อกลางปีที่ผ่านมา อิชิอิลุกออกจากเก้าอี้โค้ชที่บุรีรัมย์ มาวนเวียนในแคมป์ทีมชาติไทย ด้วยการนั่งตำแหน่งประธานเทคนิคของทีมชาติไทยที่รอจ่อเข้ามาทำงานใหญ่อย่างกุนซือทีมชาติไทยแทนที่ มาโน โพลกิง
แต่ท้ายที่สุดหลังจบศึกคิงส์คัพ ครั้งที่ 49 สมาคมฯ ยังไว้ใจให้มาโนทำทีมต่อไป เลยทำให้อิชิอิตัดสินใจจะไม่รอ และยุติบทบาทประธานเทคนิคของทีมชาติไทยไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
อิชิอิคือคนที่ใช่
วันเวลาผ่านไป ทีมชาติไทยถึงคิวลงเล่นฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ปรากฏว่า 2 นัด ทัพช้างศึกทำผลงานชนะ 1 แพ้ 1 กระแสความกดดันเกิดขึ้นกับบอลไทยอย่างหนัก และลงเอยด้วยการแยกทางกับ มาโน โพลกิง
และแน่นอนว่าเมื่อคู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกัน ในแถลงการณ์แยกทางกับมาโน ทาง มาดามแป้ง-นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทัพช้างศึก ประกาศแต่งตั้ง มาซาทาดะ อิชิอิ ให้มานั่งตำแหน่งกุนซือคนใหม่ทันที!
เรื่องนี้อาจเป็นข่าวใหญ่ แต่ไม่ใช่ข่าวใหม่ของวงการลูกหนังไทย เพราะนับตั้งแต่ทีมไทยเปิดบ้านแพ้จีน กระแสของอิชิอินั้นมาแรงมากๆ
ขณะที่บรรดากูรูสายฟุตบอลไทยหลายคนต่างมองเป็นตาเดียวกันว่า นาทีนี้อิชิอิ คือคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งโค้ชคนใหม่ของทีมชาติไทยที่สุด ทั้งการมีแท็กติกที่ยืดหยุ่น ไปจนถึงความเข้าใจเกี่ยวกับฟุตบอลไทย ความคุ้นเคยกับนักเตะไทยเป็นอย่างดี น่าจะทำให้อิชิอิคือคนที่มีโปรไฟล์เหมาะสมที่สุด
ประเด็นนี้มาดามแป้งให้เหตุผลในการเลือกอิชิอิมานั่งเก้าโค้ชคนใหม่ไว้ว่า “ด้วยเงื่อนไขเวลาที่จำกัด ก่อนถึงเอเชียนคัพรอบสุดท้ายที่กาตาร์ในเดือนมกราคม 2567 และคัดบอลโลกที่เหลืออีก 4 นัด เราต้องเลือกโค้ชที่รู้จัก คุ้นเคย และมีข้อมูลผู้เล่นทีมชาติไทยมากที่สุด รวมถึงโค้ชอิชิอิยังมีประสบการณ์และผลงานอันเป็นที่ประจักษ์ในระดับเจลีก ไทยลีก รวมถึงบนเวทีฟุตบอลระดับชิงแชมป์สโมสรโลกด้วย และที่สำคัญ ญี่ปุ่นยังเป็นประเทศต้นแบบในเชิงฟุตบอลของเอเชีย และอยู่ในอันดับท็อป 20 ของโลก
“ดังนั้นเชื่อว่าโค้ชอิชิอิคือบุคคลที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเราในตอนนี้ และแป้งพร้อมสนับสนุนการทำงานอย่างเต็มที่” – มาดามแป้ง
ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นเพียงข้อมูลโปรไฟล์เส้นทางอาชีพโค้ชของอิชิอิ และเหตุผลที่ส่งให้เขากลายเป็นกุนซือใหม่ป้ายแดงของทัพช้างศึกเป็นที่เรียบร้อย
หลังจากนี้เราต้องมาติดตามผลงานกันต่อว่าทีมชาติไทยในมือของอิชิอิจะเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน แนวทางภาพรวมจากนี้จะเป็นอย่างไร
โดยงานแรกของอิชิอิกับทีมชาติไทยคือการพาทีมบุกไปอุ่นเครื่องกับทีมชาติญี่ปุ่น ในวันที่ 1 มกราคม 2567 ก่อนจะกลับมาเล่นในศึกเอเชียนคัพ รอบแบ่งกลุ่ม (กลุ่ม F) นัดแรก กับทีมชาติคีร์กีซสถาน ในวันที่ 16 มกราคม 2567
ส่วนโปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย (กลุ่ม C) นัดที่ 3 จะกลับมาเตะในวันที่ 21 มีนาคม 2567 ซึ่งทีมชาติไทยจะบุกไปเยือนทีมชาติเกาหลีใต้
อ้างอิง: