เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม เจมส์ กันน์ ผู้กำกับและผู้เขียนบท เจ้าของผลงานภาพยนตร์แฟรนไชส์ Guardians of the Galaxy ทั้งสองภาค ถูกวอลต์ ดิสนีย์ บริษัทแม่ของมาร์เวล สตูดิโอ ไล่ออกกะทันหันจากการค้นพบทวีตเก่าเมื่อปี 2008-2009 ของเจมส์ที่เขียนโจ๊กสัปดนและเหยียดพฤติกรรมทางเพศ
แม้ผู้กำกับวัย 51 ปีจะเคยออกมาขอโทษอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อปี 2012 แต่ก็ดูท่าจะยังไม่เพียงพอ เมื่อดิสนีย์ค้นพบทวีตนี้และนำมาเป็นเหตุผลในการไล่เจมส์ออกจากโปรเจกต์ที่เขาปลุกปั้นขึ้นมาเองกับมือเมื่อปี 2014 นั่นทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า Guardians of the Galaxy Vol.3 ที่เจมส์เขียนบทเสร็จแล้วนั้นจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ในเมื่อภาพยนตร์ทั้งสองภาคที่ผ่านมา เจมส์มีอิสระในการสร้างสรรค์และเขียนบทอย่างเต็มที่
ภายหลังการตัดสินใจของดิสนีย์ นักแสดงที่ร่วมงานกับเจมส์ในหนังเรื่อง Guardian of the Galaxy ทั้งสองภาคได้ออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านโซเชียลมีเดียกันหลายราย เช่น ไมเคิล รูเกอร์ ที่รับบท ยอนดู ใน Guardians of the Galaxy Vol.1-2 ถึงกับปิดช่องทางทวิตเตอร์ของตนเองเพื่อตอบโต้การกระทำของดิสนีย์ หรือเดฟ บาติสตา ที่รับบท แดรกซ์ หนึ่งในตัวละครนำของเรื่อง ออกมาทวีตว่าเขาไม่โอเคกับสถานการณ์นี้ และนี่เป็นมากกว่าแค่การเสียประโยชน์ของดิสนีย์ เจมส์ ตัวเขา หรือของภาพยนตร์ภาคใหม่ แต่เป็นพฤติกรรม #cybernazi ที่ก่อกวนเจมส์จนสำเร็จ
นอกจากนี้ยังมีการซัพพอร์ตจากนักแสดงในแฟรนไชส์อีกหลายราย ไม่ว่าจะเป็น ซูอี้ ซัลดานา, คาเรน กิลแลน, คริส แพรตต์ และฌอน กันน์ ที่เป็นทั้งนักแสดงในเรื่องและน้องชายแท้ๆ ของเจมส์ รวมถึงแฟนภาพยนตร์ที่ชื่อ Chandler Edwards ที่สร้างแคมเปญใน change.org ให้ดิสนีย์ตัดสินใจการกระทำของตัวเองใหม่ และจ้างเจมส์กลับมาทำงานในแฟรนไชส์นี้อีกครั้ง โดย ณ วันที่ 25 กรกฎาคม แคมเปญนี้มีผู้สนับสนุนแล้วกว่า 287,000 คน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ดิสนีย์เปลี่ยนตัวผู้กำกับกลางโปรเจกต์ ก่อนนี้ในภาพยนตร์ Rogue One: A Star Wars Story ก็มีการเปลี่ยนผู้กำกับในขั้นตอนการถ่ายซ่อมจาก แกเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส์ เป็นโทนี่ กิลรอย หลังจากทิศทางของภาพยนตร์ไม่เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร แต่แกเร็ธก็ยังได้เครดิตในฐานะผู้กำกับตามเดิม
เป็นที่น่าจับตามองว่าหลังจากกระแสเรียกร้องให้เจมส์กลับมากำกับก่อตัวขึ้นแล้วดิสนีย์จะทำอย่างไรต่อไป การไล่ออกจากทวีตเมื่อ 10 ปีที่แล้วเป็นสถานการณ์ที่ยุติธรรมจริงหรือ