×

Marketing 2026 เมื่อความสุขเล็กๆ คือเครื่องมือสำคัญสำหรับนักการตลาด

21.09.2025
  • LOADING...
“เทรนด์ Marketing 2026 ความสุขเล็กๆ กับกลยุทธ์นักการตลาด”

ในวันที่โลกหมุนเร็วขึ้นทุกวัน การคาดการณ์ล่วงหน้ากลายเป็นเรื่องยาก สิ่งที่แบรนด์เคยควบคุมได้ กลับควบคุมไม่ไหวอีกต่อไป ความมั่นใจในแผนระยะยาวจึงถูกแทนที่ด้วยคำถามใหม่ที่สำคัญกว่า

 

อรรถวุฒิ เวศรานุรักษ์ ได้มอบคำตอบของคำถามที่ว่า ‘เล่นเกมการตลาดอย่างไรให้อยู่รอด’ ในโลกที่ไม่มีอะไรแน่นอน บนเวที Digital Marketing Trend 2026 เทรนด์การตลาดดิจิทัลปี 2026 Powered by AP Thai 

 

🧭 แนวโน้มผู้บริโภค 2026: เมื่อความสุขเล็กๆ มีความหมายยิ่งใหญ่

 

🔸1.ช่องว่างเศรษฐกิจที่ถ่างออก

ความเหลื่อมล้ำทำให้ middle market  (กลุ่มรายได้ปานกลาง) หายไป เหลือกลุ่มเป้าหมายเพียง 2 กลุ่ม คือ คนกลุ่มล่างที่ต้องดิ้นรน กับ  คนกลุ่มบนที่พร้อมจ่ายเพื่อความสุข แบรนด์จึงต้องเลือกว่าจะอยู่กับใคร เพราะ 2 กลุ่มนี้ ต่างกันอย่างชัดเจน

 

🔸 2. New Norm = สุขวันนี้ พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน

พฤติกรรมผู้บริโภค เปลี่ยนมาให้ความสำคัญกับความสุขของตัวเอง มากกว่าความคาดหวังของสังคม นี่ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่คือโหมดการใช้ชีวิตที่กลายเป็นมาตรฐานใหม่

 

🔸3. Micro-Moment Economy

การดริปกาแฟตอนเช้า แกะของใหม่ นอนพักกลางวัน = ความสุขรูปแบบใหม่ ส่งผลให้สินค้า everyday joy โตแรง เช่น ขนมที่กินได้ทุกวัน ลิปสติกที่หยิบมาทาเมื่อไหร่ก็รู้สึกดี 

 

🔸4. Spiritual Resilience

ผู้คนต้องการที่พึ่งทางใจ มูเตลูไม่ได้แค่เรื่องโชค แต่คือการเยียวยาจิตใจจากความไม่แน่นอน จุดประสงค์คือ Short Joy Moment ที่ทำให้ใจนิ่งพอจะไปต่อ

 

🔸 5. Wellness Economy ที่โตทุกมิติ

คนไทยโดยเฉลี่ยป่วยก่อนเสียชีวิตถึง 10 ปี เทรนด์ ‘อยู่อย่างแข็งแรง’ จึงไม่ใช่แค่การดูแลตัวเอง แต่หมายถึงการมีชีวิตที่ดีจนถึงวันสุดท้าย ทั้งคน รวมถึงสัตว์เลี้ยง ที่ถูกดูแลเหมือนเป็นสมาชิกในครอบครัว

 

🔸6. Micro-Community = พื้นที่ของความเชื่อมโยงใหม่

Community ใหม่ๆ ขยับจากแค่ในโลกออนไลน์ สู่การเจอกันในชีวิตจริงที่ปลอดภัย กลุ่มคนที่ชอบอะไรเหมือนกันมารวมตัวกัน เช่น Coffee Running, Book Club 

 

🛠 แบรนด์ไม่ใช่แค่คิดให้ใหญ่ แต่ต้องเปลี่ยนทั้งระบบ

 

🔸1. เปลี่ยนจาก Control → Co-Create

หัวใจของการอยู่รอดในยุคนี้ ไม่ใช่แค่การทำแคมเปญ แต่คือการสร้างระบบที่ร่วมสร้างกับผู้คน เริ่มจากทุกคนในองค์กรต้องมองเป้าหมายหลักของแบรนด์ตรงกัน → ใส่ Innovation ลงในทุกจุด → Co-create กับ Sub-Culture ที่มี → และปลดล็อก Human Creativity ในโลกที่ AI ทำได้ทุกอย่าง

 

🔸2. Brand Impact = ต้องเป็นชื่อแรกที่คนนึกถึงเวลาจะซื้อหรือบอกต่อ

ไม่ใช่แค่ Awareness แต่คือ Brand Equity ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีคุณค่า ต้องใช้ Data + Perception Model เพื่อดูว่าคุณสมบัติไหนส่งผลจริง และต้องสร้างจากประสบการณ์ที่มีความหมาย ไม่ใช่แค่สื่อสาร

 

🔸 3. ครีเอเตอร์คือพันธมิตร ไม่ใช่เครื่องมือ

เพราะครีเอเตอร์เข้าใจทั้งแพลตฟอร์ม เทรนด์ และอารมณ์ของผู้ชม จึงเล่าเรื่องได้ถูกที่ ถูกเวลามากกว่าแบรนด์ที่ทำเองทุกอย่าง แต่สิ่งสำคัญคือ แบรนด์ต้องทำให้คนเห็นแบรนด์ชัดเจนตั้งแต่ช่วงต้นของคอนเทนต์ โดยไม่ต้องรอดูจนจบถึงจะรู้ว่าใครเป็นเจ้าของ เพราะถ้าคอนเทนต์ดีแค่ไหนแต่คนดูไม่จบ แบรนด์ก็ไม่อยู่ในความทรงจำอยู่ดี

 

🔸4. Cultural Relevance = จุดยืนใหม่ของแบรนด์

ในยุคที่วัฒนธรรมมีความหลากหลาย ทำให้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แบรนด์ต้องเลือกว่าจะ ‘ยืนอยู่ตรงไหนในวัฒนธรรม’ เพราะถ้าไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตผู้คน ก็จะถูกลืมไปอย่างเงียบๆ

 

🔸5. การดึง Attention คือสิ่งสำคัญที่สุด

ไม่ใช่แค่ให้คนเห็น แต่ต้องทำให้คนสนใจจริง โดยใช้สูตร ‘3/5/15’ คือ

 

  • 3 วินาทีแรกต้องดึงให้หยุดดู (Attention)
  • 5 วินาทีต่อมาต้องทำให้สนใจ (Process)
  • 15 วินาทีต้องสร้างความรู้สึกบางอย่างที่แบรนด์อยากให้จำ (Impact)

 

ทั้งหมดต้องออกแบบให้ทีมงานฝ่าย Media, Creative และ Data ทำงานร่วมกันบบ Real-Time เพื่อให้ได้ผลจริง 

 

🔸 6. ทุกแบรนด์จะกลายเป็น Content Brand โดยจำเป็น

เพราะวันนี้ TikTok คือคนบังคับเกม คอนเทนต์แบบ Short-form กลายเป็น ‘ภาษาหลัก’ ของคนเสพคอนเทนต์ และ Social-first กลายเป็นค่าเริ่มต้น ไม่ใช่แค่กลยุทธ์เสริมอีกต่อไป ไม่ว่าแบรนด์จะขายอะไร สุดท้ายก็ต้อง สื่อสารแบบคนทำคอนเทนต์ เข้าใจจังหวะ เข้าใจแพลตฟอร์ม และเล่าเรื่องให้น่าดูในไม่กี่วินาที

 

🔸 7. AI ต้องใช้ให้ถูก และใช้ให้ได้ผลทันที

Shadow AI ชี้ให้เห็นว่า คนพร้อมใช้ AI ถ้ามันเวิร์ก องค์กรต้องเลิกกลัว และเริ่มฝัง AI ลงในระบบปฏิบัติการจริง Marketing ต้องขยับสู่ AI-powered โดยไม่รอให้คนอื่นเริ่มก่อน

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising