จากตัวเลขทางเศรษฐกิจล่าสุด เช่น เงินเฟ้อฝั่งผู้บริโภค และดัชนีราคาขายส่ง ที่ส่งสัญญาณผ่อนคลายลงอย่างมากจากจุดสูงสุดในปีที่แล้ว ทำให้เทรดเดอร์ในตลาดเชื่อมั่นว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 1% ภายในสิ้นปี 2024
Lou Crandall หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Wrightson ICAP กล่าวว่า สถานการณ์ในตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป แม้จะใกล้เข้าสู่เป้าหมายดังกล่าวแล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงจุดที่ความเสี่ยงจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยหายไปทั้งหมด
ในขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิตในรอบ 12 เดือนลดลงเหลือ1.3% แต่ดัชนีราคาผู้บริโภคยังคงอยู่ที่ 3.2% และเงินเฟ้อพื้นฐานยังอยู่ที่ 4% แม้แนวโน้มจะลดลงแต่ยังไม่ถึงเป้าหมาย 2% ที่ตั้งไว้ นอกจากนี้ยังมีในส่วนของเงินเฟ้อที่ไม่ได้ปรับตัวลงเร็วมากนัก เช่น ราคาน้ำมัน ของชำ และยานพาหนะ
Jerome Powell ประธาน Fed กล่าวในการแถลงข่าวหลังการประชุมในเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่า “สิ่งที่เราตัดสินใจทำคือการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายและรอข้อมูลเพิ่มเติม เราต้องการเห็นหลักฐานที่น่าเชื่อถือจริงๆ ว่าเรามาถึงระดับที่เหมาะสมแล้วที่จะปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน”
แม้ว่า Fed จะไม่ได้ทำนายว่าต้องใช้เวลาอีกกี่เดือนติดต่อกันในการผ่อนคลายข้อมูลเงินเฟ้อเพื่อให้ได้ข้อสรุปดังกล่าว แต่ดัชนีเงินเฟ้อพื้นฐานใน 12 เดือน ได้ลดลงทุกเดือนตั้งแต่เดือนเมษายน ซึ่ง Fed มักใช้ดัชนีอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเป็นตัวชี้วัดมากกว่าแนวโน้มเงินเฟ้อในระยะยาว
จากราคาฟิวเจอร์สของอัตราดอกเบี้ยที่รวบรวมโดย CME Group พบว่า ไม่มีโอกาสเลยที่จะมีการปรับขึ้นในรอบถัดไป และการหั่นดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นครั้งแรกในเดือนพฤษภาคมปีหน้า ตามด้วยอีกครั้งในเดือนกรกฎาคม และมีแนวโน้มอีกสองครั้งก่อนสิ้นปี 2567 หากการคาดการณ์ดังกล่าวถูกต้อง นั่นจะทำให้อัตรามาตรฐานลดลงเหลือช่วงเป้าหมายที่ 4.25-4.5% แต่ยังเป็นระดับที่สูงขึ้นเท่าตัวจากอัตราดอกเบี้ยของ Fed เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ตลาดจะจับตาดูเป็นพิเศษกับการประชุมครั้งถัดไปในวันที่ 12-13 ธันวาคม ซึ่งในที่ประชุมจะได้เห็นสมาชิกของ Fed ให้มุมมองและคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยรายไตรมาส ตลอดจนการคาดการณ์ GDP อัตราการว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อ
อ้างอิง: