เกิดอะไรขึ้น:
InnovestX Research ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 3Q65 ของ บมจ.เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป (ZEN) ซึ่งคาดว่าจะรายงานผลประกอบการวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น ZEN ปรับลดลง 1.95%MoM อยู่ที่ระดับ 15.10 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลดลง 2.46%MoM อยู่ที่ระดับ 1,590.36 จุด
พรีวิวผลประกอบการ 3Q65:
InnovestX Research คาดว่า ZEN จะรายงานกำไรสุทธิที่แข็งแกร่งที่ 48 ล้านบาท ใน 3Q65 ฟื้นตัวจากขาดทุนสุทธิ 62 ล้านบาทใน 3Q64 และเพิ่มขึ้น 8%QoQ
โดยมีสมมติฐานที่สำคัญดังนี้:
- รายได้รวมจะอยู่ที่ 888 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากถึง 156%YoY จากฐานต่ำของปีก่อนที่มีสาเหตุมาจากการล็อกดาวน์ และเพิ่มขึ้น 3%QoQ โดยได้รับการสนับสนุนจากธุรกิจร้านอาหาร (82% ของรายได้) ที่แข็งแกร่งมากขึ้นจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น วันหยุดพิเศษในเดือนกรกฎาคม และการขยายสาขา (สาขาใหม่ของบริษัทเอง 12 สาขาใน 3Q65 เทียบกับ 8 สาขาใน 1H65)
ประกอบกับธุรกิจอาหารค้าปลีก (15% ของรายได้) ที่เติบโตมากขึ้นจากการขยายช่องทางจัดจำหน่ายไปยังร้านค้าสมัยใหม่ ทั้งนี้ SSS ใน 3Q65 คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นสู่ ~70% จากฐานต่ำของปีก่อนในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงที่มีการสั่งปิดร้านอาหารในศูนย์การค้าที่ตั้งอยู่ในพื้นที่สีแดงเข้ม ซึ่งรวมถึงกรุงเทพฯ
- อัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 45.9% ใน 3Q65 ดีกว่า 45.7% ใน 2Q65 เล็กน้อย เนื่องจากราคาเมนูที่สูงขึ้นและกลยุทธ์การตั้งราคาแบบยืดหยุ่น จะสามารถชดเชยต้นทุนที่สูงขึ้นได้ ซึ่งเชื่อว่าราคาปลาแซลมอนที่ปรับตัวลดลง ~45% จากจุดสูงสุดในเดือนเมษายน 2565 จะส่งผลดีต่อ ZEN เนื่องจากปลาแซลมอนคิดเป็นสัดส่วน ~15% ของต้นทุนวัตถุดิบของ ZEN
แนวโน้มผลประกอบการปี 2565:
ในปี 2565 InnovestX Research เชื่อว่าปัจจัยบวกจากความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนและมาตรการกระตุ้นของรัฐบาล จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสนับสนุนให้การดำเนินงานของ ZEN ปรับตัวดีขึ้น
เมื่ออิงกับพรีวิว 3Q65 ดังกล่าว ได้เล็งเห็น Upside เนื่องจากกำไร 9M65 จะคิดเป็น 76% ของประมาณการกำไรปี 2565 ส่วนใน 4Q65 คาดว่ากำไรของ ZEN จะเติบโต YoY อย่างต่อเนื่อง และจะอยู่ในระดับทรงตัว QoQ เนื่องจากช่วงไฮซีซันจะถูกหักล้างโดยต้นทุนค่าแรงที่สูงขึ้น เมื่อพิจารณาจากการปรับค่าจ้างขั้นต่ำรายวันในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ~5% มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565
โดยปัจจุบันคาดการณ์กำไรปกติของ ZEN ที่ 126 ล้านบาทในปี 2565 สูงกว่าระดับก่อนเกิดโควิด จากนั้นจะเติบโต 33% ในปี 2566 โดยได้รับการสนับสนุนจากการขยายสาขาของบริษัทเองเชิงรุกในปี 2565 โดย ZEN ตั้งเป้าที่จะเปิดสาขาของบริษัทเองเพิ่มอีก 26 สาขาในปี 2565 เทียบกับ 6 สาขาในปี 2564 ทั้งนี้ ได้ใช้สมมติฐานว่าต้นทุนค่าแรงจะเพิ่มขึ้น 5% ในปี 2566
ด้านสถานะทางการเงินยังแข็งแกร่ง ท่ามกลางความกังวลของตลาดเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น โดยคาดว่าผลกระทบต่อกำไรของ ZEN จะมีจำกัด เนื่องจากบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนระดับต่ำที่ 0.1 เท่า ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565
อย่างไรก็ดี InnovestX Research มองว่า ZEN น่าจะเป็นหุ้นที่ตลาดจะให้ความสนใจ เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้นในประเทศไทยน่าจะช่วยสนับสนุนธุรกิจร้านอาหารของบริษัท อีกทั้งสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งพร้อมกับหนี้สินระดับต่ำ จะช่วยบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
โดยให้ Tactical Call ระยะ 3 เดือน สำหรับ ZEN ไว้ที่ Outperform ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF ที่ 16.80 บาทต่อหุ้น
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม คือ 1. ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค 2. การแข่งขันรุนแรง 3. ต้นทุนที่สูงขึ้น และ 4. การเปลี่ยนแปลงความชอบของผู้บริโภค