เกิดอะไรขึ้น:
SCBS ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 3Q64 ของ บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) ซึ่งคาดว่าจะประกาศวันที่ 8 พฤศจิกายน 2564
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น TU ปรับตัวลดลง 2.8%MoM สู่ระดับ 20.80 บาท ขณะที่ SET Index ที่ปรับตัวลง 0.1%MoM สู่ระดับ 1,639.41 จุด (ข้อมูล ณ วันที่ 8 ตุลาคม 2564)
มุมมองระยะสั้น:
SCBS คาดยอดขาย 3Q64 ของ TU จะเติบโต 3%YoY โดยเกิดจากยอดขายอาหารทะเลแช่แข็งและแช่เย็นที่เพิ่มขึ้นเพราะอุตสาหกรรมบริการอาหารฟื้นตัวดีขึ้น และยอดขายอาหารสัตว์เลี้ยงในระดับทรงตัว อันเป็นผลมาจากการปิดโรงงานสงขลาแคนนิ่ง ซึ่งจะมากเกินพอชดเชยยอดขายในธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปที่ลดลงจากฐานสูงของปีก่อน อันเป็นผลมาจากการกักตุนอาหารในช่วงที่โควิดระบาด
ด้านอัตรากำไรขั้นต้น 3Q64 คาดว่าจะอยู่ที่ 18.2% ทรงตัว YoY โดยมีสาเหตุมาจากมาร์จิ้นที่ดีขึ้นจากธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งและแช่เย็น มาร์จิ้นในระดับทรงตัวจากธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป เพราะต้นทุนวัตถุดิบทูน่าระดับต่ำจะช่วยชดเชยปริมาณการขายที่ลดลง แต่มาร์จิ้นจากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงจะลดลงอันเป็นผลมาจากการปิดโรงงานสงขลาแคนนิ่ง ขณะที่ค่าใช้จ่าย SG&A ต่อยอดขาย คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 50bps YoY สู่ 12.4% โดยเกิดจากต้นทุนโลจิสติกส์ที่สูงขึ้นมากกว่า 200 ล้านบาท YoY อันเป็นผลมาจากสถานการณ์ขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ทั่วโลกและค่าใช้จ่ายการตลาดที่สูงขึ้น
ส่วนแบ่งกำไรจาก AVANTI มีแนวโน้มลดลง YoY โดยมีสาเหตุมาจากการดำเนินงานที่อ่อนแอลงในธุรกิจอาหารสัตว์จากสถานการณ์โควิดในอินเดีย และธุรกิจอาหารแช่แข็งจากการเรียกคืนสินค้าจากลูกค้าในสหรัฐฯ ขณะที่คาดว่าส่วนแบ่งขาดทุนจาก Red Lobster จะเพิ่มขึ้นสู่ 180 ล้านบาท ใน 3Q64 (เทียบกับขาดทุน 54 ล้านบาท ใน 3Q63 และขาดทุน 162 ล้านบาท ใน 2Q64) ซึ่งประกอบด้วยส่วนแบ่งขาดทุนจากการดำเนินงานตามปกติ 80 ล้านบาท
โดยมีสาเหตุมาจากต้นทุนค่าแรงที่สูงขึ้น จากการเพิ่มพนักงานใหม่และรักษาพนักงานเดิมเอาไว้ในตลาดแรงงานที่มีการแข่งขันสูงท่ามกลางร้านอาหารที่กลับมาเปิดให้บริการ และต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น เช่น ปูและล็อบสเตอร์ และค่าเช่าเพิ่มเติมจำนวน 100 ล้านบาท จากการปรับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ตั้งแต่ 1Q64
โดย SCBS คาดกำไรสุทธิ 3Q64 ของ TU ไว้ที่ระดับ 1.9 พันล้านบาท ลดลง 6%YoY และ 17%QoQ โดยหากตัดกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 100 ล้านบาท ที่เกิดจากเงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐออกไป กำไรปกติ 3Q64 จะอยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท ลดลง 15%YoY และ 19%QoQ
โดยกำไรที่ลดลง YoY เกิดจากค่าใช้จ่าย SG&A ที่สูงขึ้น และส่วนแบ่งกำไรจาก Red Lobster และ AVANTI ที่ลดลง ขณะที่กำไรที่ลดลง QoQ เกิดจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงเนื่องจากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่อ่อนแอจากการปิดโรงงานสงขลาแคนนิ่ง
มุมมองระยะยาว:
ในระยะถัดไปต้องติดตามความคืบหน้าแผนปลดล็อกมูลค่าแฝงของ TU ผ่านการนำไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ และ Global Petcare เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยใน 4Q64 และปี 2565 รวมถึงการนำ Red Lobster เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กในอีก 3-4 ปีข้างหน้า
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP