เกิดอะไรขึ้น:
บมจ.ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) รายงานกำไรสุทธิ 3Q65 จำนวน 3.72 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 8%QoQ และ 57%YoY) ผลประกอบการออกมาดีเกินคาด โดยเกิดจากการตั้งสำรองลดลงและ NIM ที่ดีขึ้น พร้อมกับสินเชื่อในระดับทรงตัว ขณะที่ Non-NII ลดลง และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ลดลง
สำหรับรายการสำคัญในผลประกอบการ 3Q65 ดังนี้
- คุณภาพสินทรัพย์: NPL ลดลง 558 ล้านบาท หรือ 1.3%QoQ (เพิ่มขึ้น 8.1% ถ้านำยอดตัดหนี้สูญบวกกลับเข้ามา) Credit Cost ลดลง 2 bps QoQ สู่ 1.25% ต่ำกว่าคาด สินเชื่อขั้นที่ 2 เพิ่มขึ้น 1.7%QoQ โดยเกิดจากหลักเกณฑ์การจัดชั้นสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้นสำหรับพอร์ตสินเชื่อที่มีการปรับโครงสร้าง LLR Coverage เพิ่มขึ้นจาก 133% ณ 2Q65 สู่ 135%
TTB คาดว่า Credit Cost ปี 2565 จะต่ำกว่าเป้าหมายด้านต่ำที่ 1.4% เทียบกับ 1.31% ใน 9M65 ดังนั้น InnovestX Research จึงปรับประมาณการ Credit Cost ปี 2565 ลดลงจาก 1.4% สู่ 1.33% โดยคาดว่า Credit Cost จะเพิ่มขึ้น QoQ สู่ 1.4% ใน 4Q65
- การเติบโตของสินเชื่อเพิ่มขึ้น 0.1%QoQ, 2.5%YoY และ 1.6%YTD สินเชื่อรายย่อยเติบโต 1.6%QoQ และ 3.2%YTD โดยเกิดจากทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ในขณะที่สินเชื่อบรรษัทลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ปรับลดลง โดยเกิดจากการชำระคืนตั๋วสัญญาใช้เงินของรัฐบาล สินเชื่อ SMEs หดตัวลง 3.7%QoQ แต่เติบโต 9%YTD (จากการจัดกลุ่มลูกค้าใหม่)
- NIM ดีกว่าคาด โดยเพิ่มขึ้น 11 bps QoQ เพราะผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น 13 bps QoQ (จากการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนสินเชื่อมามีสินเชื่อกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนสูงเพิ่มมากขึ้น) ขณะที่ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 1 bps QoQ
- Non-NII ลดลง 2%QoQ (เพิ่มขึ้น 12%YoY) โดยมีสาเหตุมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิและรายได้อื่นที่ลดลง รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการลดลง 4%QoQ (รายได้ค่าธรรมเนียมกองทุนรวมลดลง) แต่เพิ่มขึ้น 12%YoY (รายได้ค่าธรรมเนียมแบงก์แอสชัวรันส์เพิ่มขึ้น)
- อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ลดลง 23 bps QoQ (ลดลง 127 bps YoY) สู่ 45.7% Opex น่าจะเพิ่มขึ้นใน 4Q65 โดยเกิดจากค่าใช้จ่ายพนักงาน ไอที และการตลาด
กระทบอย่างไร:
ในวันนี้ราคาหุ้น TTB ปรับเพิ่มขึ้น 0.78%DoD สู่ระดับ 1.29 บาท ขณะที่ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 0.03%DoD สู่ระดับ 1,593.13 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2565:
TTB กำลังพิจารณาบริหารเงินกองทุน เนื่องจากธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงในระดับสูงเกินไปที่ 20% โดยมีเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 16% ดังนั้น InnovestX Research จึงปรับสมมติฐานอัตราการจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นจาก 35% สู่ 50% นอกจากนี้ TTB ยังมีทางเลือกอื่นๆ ในการบริหารเงินกองทุนที่นอกเหนือจากการเพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผลด้วย โดยธนาคารอาจประกาศโครงการซื้อหุ้นคืน
อย่างไรก็ดี InnovestX Research ปรับประมาณการกำไรของ TTB เพิ่มขึ้น 10% สำหรับปี 2565 และ 9% สำหรับปี 2566 โดยหลักๆ เกิดจากการปรับประมาณการ Credit Cost และ NIM เพื่อสะท้อนผลประกอบการ 3Q65 กำไร 9M65 คิดเป็นสัดส่วน 77% ของประมาณการกำไรเต็มปี และคาดว่ากำไร 4Q65 จะลดลง QoQ (การตั้งสำรองและ Opex ที่เพิ่มขึ้น) และจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย YoY
นอกจากนี้ได้ปรับเรตติ้งขึ้นจาก NEUTRAL สู่ OUTPERFORM และปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นจาก 1.30 บาท สู่ 1.50 บาทต่อหุ้น (PBV 0.65 เท่า สำหรับปี 2566) เพื่อสะท้อนการปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้นและการปรับ PBV เป้าหมายเพิ่มขึ้นจากโอกาสบริหารเงินกองทุน
สำหรับปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม:
- ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากเงินเฟ้อสูงและเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
- การไม่สามารถส่งผ่านอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนฟื้นฟูฯ ที่เพิ่มขึ้น 23 bps ไปยังอัตราดอกเบี้ยเงินกู้
- ผลกระทบจาก Fintech
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- 8 หุ้นเนื้อทอง เซียนหุ้น รุมตอม ร่วมลงทุนติดอันดับผู้ถือหุ้นใหญ่
- 9 หุ้น จ่ายเงินปันผลสูงมากกว่า 5% ตลอด 5 ปี แถมราคาตั้งแต่ต้นปียังบวก
- 10 หุ้น ขึ้น XD จ่ายเงินปันผลสูงสุดในรอบเดือน ก.ย. 65