เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) รายงานขาดทุนสุทธิ 769 ล้านบาทใน 1Q67 (เทียบกับขาดทุน 1.13 หมื่นล้านบาทใน 4Q66 และ 492 ล้านบาทใน 1Q66) ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากรายการด้อยค่าของสินทรัพย์ที่มีความซ้ำซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย ซึ่งเป็นรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจำนวน 1.6 พันล้านบาท
หากตัดรายการนี้ออกไปพบว่าบริษัทมีกำไรปติ 802 ล้านบาท ฟื้นตัวดีขึ้นอย่างมากจากขาดทุน 702 ล้านบาทใน 4Q66 และ 956 ล้านบาทใน 1Q66 และนับเป็นไตรมาสแรกที่มีกำไรปกติเป็นบวกหลังจากควบรวมกิจการ ซึ่งดีกว่าที่ประมาณการไว้ค่อนข้างมาก
เซอร์ไพรส์คือค่าใช้จ่าย SG&A ที่ต่ำกว่าคาดจาก Synergy ด้านต้นทุน รายได้จากธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่อยู่ที่ 3.25 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.7%QoQ และ 4.7%YoY โดยได้แรงหนุนจากรายได้ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและแรงงานต่างด้าว Blended ARPU อยู่ที่ 204 บาท ทรงตัว QoQ แต่เพิ่มขึ้น 1.9%YoY รายได้จากธุรกิจออนไลน์อยู่ที่ 6.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.5%QoQ และ 7.9%YoY โดยได้แรงหนุนจาก ARPU ที่เติบโต 2.4%QoQ และ 9.2%YoY สู่ 506 บาท
กระทบอย่างไร:
หลังการประกาศจ่ายเงินปันผลถึงวันนี้ (7 พฤษภาคม) ราคาหุ้น TRUE ปรับขึ้น 3.68% สู่ระดับ 8.45 บาท ขณะที่ SET Index ปรับขึ้น 0.81% สู่ระดับ 1,381.02 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2567:
ก่อนหน้านี้ InnovestX Research คาดการณ์ไว้ว่า TRUE จะพลิกกลับมามีกำไรใน 2Q67 ผลประกอบการที่ฟื้นตัวเร็วกว่าคาดส่งผลให้ปรับประมาณการกำไรปกติของ TRUE เพิ่มขึ้นสู่ 3.1 พันล้านบาท (จาก 1.1 พันล้านบาท) หลังจากปรับสมมติฐานค่าใช้จ่าย SG&A ลดลง 3.3% สู่ 2.46 หมื่นล้านบาท และปรับสมมติฐานค่าใช้จ่ายด้านโครงข่ายลดลง 4.4% สู่ 1.45 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ดี TRUE น่าจะรายงานกำไรปกติเพิ่มขึ้น QoQ และ YoY ได้อย่างต่อเนื่องใน 2Q67 โดยได้รับการสนับสนุนจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจออนไลน์ รวมถึงการลดต้นทุนลงอีก
ปัจจุบัน Consensus คาดว่า TRUE จะรายงานขาดทุน 939.5 ล้านบาทในปี 2567 แต่เนื่องจาก 1Q67 TRUE รายงานกำไรปกติเป็นบวกได้แล้วและมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงคาดว่า Consensus จะปรับประมาณการผลประกอบการเพิ่มขึ้น
กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:
คงคำแนะนำ Outperform สำหรับ TRUE และปรับราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี DCF เพิ่มขึ้นจาก 8.5 บาท สู่ 10 บาทต่อหุ้น (WACC 8% และการเติบโตระยะยาว 2%) เพื่อสะท้อนการปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้น และยังคงชอบ TRUE เพราะมี Story เกี่ยวกับผลประกอบการที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง
แม้ราคาหุ้น TRUE ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 12.4% หลังจากได้ปรับคำแนะนำขึ้นเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ โดย Outperform SET อยู่ 14.4% แต่เชื่อว่ากำไรปกติที่แข็งแกร่งกว่าคาดจะหนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นต่อได้
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า ซึ่งจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อการเติบโตของรายได้ และคดีฟ้องร้องคัดค้านการควบรวมกิจการ ความเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญสำหรับ TRUE คือความปลอดภัยทางด้านไซเบอร์ และการเก็บรักษาข้อมูลของลูกค้า